เลนส์ EF70-200mm f/4L IS II USM รุ่นใหม่ของ Canon วางจำหน่ายหลังจากการเปิดตัวของเลนส์รุ่นก่อนหน้าถึง 12 ปี โดยมาพร้อมกับระบบป้องกันภาพสั่นไหวถึง 5 สต็อป และประสิทธิภาพยอดเยี่ยมในการถ่ายภาพเมื่อมีแสงย้อนจากด้านหลัง เลนส์รุ่นนี้ทำได้อย่างไร หาคำตอบด้วยตัวคุณเองจากภาพทิวทัศน์เหล่านี้ ซึ่งถ่ายด้วยเลนส์ซูมเทเลโฟโต้ (เรื่องโดย: GOTO AKI)
ข้อควรรู้เกี่ยวกับเลนส์รุ่นนี้
1. เป็นเลนส์ Canon รุ่นแรกที่มีระบบป้องกันภาพสั่นไหวถึง 5 สต็อป
ถ่ายภาพได้นิ่งแม้ใช้ความเร็วชัตเตอร์ 1/100 วินาทีโดยถือกล้องด้วยมือที่ระยะเทเลโฟโต้
EOS 5D Mark IV/ EF70-200mm f/4L IS II USM/ FL: 200 มม./ Shutter-priority AE (f/5.6, 1/100 วินาที, EV-0.7)/ ISO 400/ WB: Manual
EF70-200mm f/4L IS II USM ไม่เพียงแต่มีฟังก์ชั่นป้องกันภาพสั่นไหว (IS) ในตัวเลนส์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในบรรดาเลนส์ Canon เท่านั้น แต่ยังมีโหมด IS ให้เลือกถึง 3 โหมดด้วยกันเพื่อตอบสนองทั้งการถ่ายภาพแบบแพนกล้องและการถ่ายภาพกีฬา ภาพด้านบนถ่ายโดยถือกล้องด้วยมือโดยใช้ระยะเทเลโฟโต้ 200 มม. ด้วยความคมชัดระดับนี้ ผู้ใช้จึงอดรู้สึกไม่ได้ว่าอยากจะถ่ายภาพน้ำตกเพิ่มอีกโดยถือกล้องด้วยมือ
2. รูรับแสงทรงกลมทำให้เกิดโบเก้ที่สวยงามแม้ใช้ค่ารูรับแสงแคบ
วงโบเก้ที่กลมสวยงามแม้ถ่ายที่ f/8
EOS 5D Mark IV/ EF70-200mm f/4L IS II USM/ FL: 200 มม./ Aperture-priority AE (f/8, 1/640 วินาที, EV-2.0)/ ISO 1600/ WB: Manual
ภาพนี้ถ่ายโดยมีแสงย้อนจากด้านหลัง โดยแสงอาทิตย์ส่องทะลุผ่านใบไม้บนต้นไม้ในป่า แทบจะไม่มีแสงหลอกหรือแสงแฟลร์เลย เนื่องจากขอบของม่านรูรับแสงนั้นไม่เด่นชัด วงโบเก้จึงกลมและดูสวยงามแม้จะใช้รูรับแสงแคบกว่ารูรับแสงกว้างสุดสองถึงสามสต็อป (ในภาพด้านบนใช้ f/8)
3. เมื่อเปรียบเทียบกับเลนส์ EF70-200mm f/4L อีก 2 รุ่นของ Canon แล้วเป็นอย่างไร
Canon มีเลนส์ EF70-200mm f/4L อีก 2 รุ่น ได้แก่
- EF70-200mm f/4L IS USM (เลนส์รุ่นก่อนหน้า)
- EF70-200mm f/4L USM (เลนส์ที่ไม่มีระบบ IS)
ตารางด้านล่างแสดงการเปรียบเทียบเลนส์ทั้งสามรุ่น คุณจะเห็นได้ว่า EF70-200mm f/4L USM มีข้อได้เปรียบมากกว่าในเรื่องของม่านรูรับแสงและประสิทธิภาพในการป้องกันภาพสั่นไหว
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติการพัฒนาเลนส์ซูม f/4L รุ่นคลาสสิคของ Canon ได้จากบทความเหล่านี้:
คุณรู้จักเลนส์ซูม f/4L ดีแค่ไหน
ประวัติที่แทบไม่มีใครรู้ของเลนส์ซูม f/2.8L และ f/4L ของ Canon
การทดสอบภาคสนามของเลนส์
สถานที่: บริเวณทะเลสาบทั้งห้ารอบภูเขาฟูจิ
สภาพอากาศ: มีเมฆมากและมีแสงแดดเป็นระยะ
สภาพแสง: ค่อนข้างแย่
ประสิทธิภาพที่แท้จริงของระบบป้องกันภาพสั่นไหว 5 สต็อป
EF70-200mm f/4L IS II USM คือเลนส์ EF70-200mm f/4L IS USM ที่ได้รับการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นโดยวางจำหน่ายเมื่อ 12 ปีก่อน และได้รับเสียงชื่นชมอย่างกว้างขวางในด้านประสิทธิภาพในการถ่ายทอดภาพ ในฐานะที่เป็นช่างภาพทิวทัศน์ที่มักจะถ่ายภาพโดยถือกล้องด้วยมือ ผมตั้งตารอคอยที่จะได้ลองใช้ระบบป้องกันภาพสั่นไหว 5 สต็อปในเลนส์นี้
ผมถ่ายภาพด้านล่างโดยถือกล้องด้วยมือในป่าที่ไม่ค่อยมีแสงในวันที่มีเมฆมาก เมื่อใช้ความไวแสง ISO 1600 ความเร็วชัตเตอร์จะอยู่ที่ประมาณ 1/50 วินาที ซึ่งช้ากว่าที่คาดไว้เล็กน้อยจากเลนส์ซูมเทเลโฟโต้
EOS 5D Mark IV/ EF70-200mm f/4L IS II USM/ FL: 70 มม./ Aperture-priority AE (f/5.6, 1/50 วินาที, EV±0)/ ISO 1600/ WB: แสงแดด
เมื่อใช้ IS โหมด 1 ขณะถ่ายผ่านช่องมองภาพ จะช่วยป้องกันไม่ให้กล้องสั่น จึงได้ภาพที่มีความคมชัดและดูเหมือนต้นไม้หยุดความเคลื่อนไหว ผมให้ลำต้นของต้นไม้ในพื้นหลังอยู่ในโฟกัสเพื่อให้ได้เอฟเฟ็กต์ภาพที่ดูเหมือนกำลังจ้องมองผ่านแถวต้นไม้เหล่านั้น
ข้อได้เปรียบหลักๆ ของเลนส์รุ่นนี้คือทำให้คุณมั่นใจได้ว่าจะสามารถถ่ายภาพได้อย่างคมชัด รวมถึงรายละเอียดต่างๆ โดยไม่เกิดการเบลอของตัวแบบ แทนที่จะคอยย้อนกลับมาดูภาพบ่อยๆ เพื่อเช็คว่ากล้องสั่นหรือไม่ ตอนนี้ผมรู้สึกว่าสิ่งที่ผมต้องสนใจมีเพียงแค่ลั่นชัตเตอร์ให้ทันเพื่อเก็บภาพสภาพแสงที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แม้ในสภาวะการถ่ายภาพที่ไม่จำเป็นต้องใช้ความเร็วชัตเตอร์สูง เลนส์นี้ก็ยังสามารถถ่ายทอดภาพอย่างสร้างสรรค์ได้หลากหลายแบบ เลนส์นี้สามารถถ่ายภาพไฮคีย์ที่มีโทนสีขาวหรือโทนสว่างเป็นส่วนใหญ่ได้อย่างง่ายดาย
เมื่อใช้เลนส์นี้กับกล้องที่มีประสิทธิภาพในการถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อย เช่น EOS 5D Mark IV หรือ EOS 6D Mark II คุณจะสามารถถ่ายภาพได้อย่างไร้ความกังวล ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพในเวลาเช้าตรู่ ในตอนเย็น หรือช่วงเวลาอื่นๆ ที่มีแสงน้อย
EOS 5D Mark IV/ EF70-200mm f/4L IS II USM/ FL: 94 มม./ Aperture-priority AE (f/11, 1/1,000 วินาที, EV−1.0)/ ISO 400/ WB: แสงแดด
ดวงอาทิตย์ในยามเย็นเหนือทะเลสาบยามานากะนั้นมีแสงจ้า แต่การเคลือบผิวแบบ Super Spectra Coating (SSC) ทำให้สามารถป้องกันการเกิดแสงแฟลร์และแสงหลอกได้ เพราะอย่างนี้ ผมจึงให้ความสนใจกับสภาพแสงและการเคลื่อนที่ของก้อนเมฆได้อย่างเต็มที่ เพื่อถ่ายภาพให้ออกมาสมบูรณ์แบบ
ด้วยความอเนกประสงค์มากระดับนี้ ผมแทบไม่เชื่อว่ากำลังใช้เลนส์เพียงแค่ตัวเดียว
ระยะโฟกัสใกล้สุดที่สั้นกว่า (หรือระยะการถ่ายภาพต่ำสุดที่ 1 ม. เมื่อเทียบกับ 1.2 ม. ของเลนส์ EF70-200mm f/4L IS USM) มีประโยชน์อย่างมาก ตอนนี้ผมสามารถถ่ายภาพต้นไม้หรือดอกไม้ที่อยู่บนพื้นได้อย่างสะดวกสบายในขณะที่กำลังยืนอยู่
เลนส์นี้ทำให้ผมถ่ายภาพได้อย่างเพลิดเพลิน ไม่ใช่แค่เพราะโหมดมาโครเทเลโฟโต้ที่สามารถให้กำลังขยายได้ 0.27 เท่าเท่านั้น แต่ยังให้เอฟเฟ็กต์โบเก้ที่สวยงามอีกด้วย ผมชอบความสามารถรอบด้านของเลนส์นี้เป็นพิเศษ เพราะบางครั้งผมรู้สึกราวกับว่ากำลังใช้เลนส์สองถึงสามตัว ไม่ใช่แค่ตัวเดียว
EOS 5D Mark IV/ EF70-200mm f/4L IS II USM/ FL: 70 มม./ Aperture-priority AE (f/11, 1/1,600 วินาที, EV−0.7)/ ISO 400/ WB: แสงแดด
ดอกไม้เหล่านี้กำลังโอนเอนเล็กน้อยไปตามแรงลม ผมเขยิบเข้าไปใกล้และถ่ายภาพดอกไม้เหล่านั้นจากระยะโฟกัสใกล้สุด รายละเอียดภาพถ่ายทอดออกมาอย่างดีด้วยค่า f/11 และความเร็วชัตเตอร์สูง ผมปรับการชดเชยแสงลงมาที่ EV-0.7 เพื่อให้ส่วนที่มืดดูมีความลึกมากขึ้นและทำให้ดอกไม้สีขาวเด่นออกมา
อย่างไรก็ตาม การปรับปรุงที่สำคัญจากเลนส์รุ่นก่อนคือการเพิ่มจำนวนม่านรูรับแสงเป็น 9 กลีบ เมื่อถ่ายภาพโดยใช้รูรับแสงที่แคบกว่ารูรับแสงกว้างสุด 2 ถึง 3 สต็อป วงโบเก้ (ดูภาพที่ 3 จากด้านบน) ก็ยังคงกลมสวยอยู่และมองไม่เห็นขอบ ทำให้ภาพดูมีความนุ่มนวล
EOS 5D Mark IV/ EF70-200mm f/4L IS II USM/ FL: 200 มม./ Aperture-priority AE (f/8, 1/2,500 วินาที, EV−0.7)/ ISO 400/ WB: แสงแดด
ภาพมาโครเทเลโฟโต้ของดอกป๊อปปี้ที่ยังตูมนี้ถ่ายที่ระยะ 1 ม. (ระยะโฟกัสใกล้สุด) แม้ผมจะตั้งค่ารูรับแสงไว้ค่อนข้างแคบที่ f/8 ระยะชัดลึกที่ตื้นที่ 200 มม. และรูรับแสงทรงกลมก็ยังช่วยทำให้เกิดโบเก้ที่สวยงามและนุ่มนวลได้จากสีสันในแบ็คกราวด์
สืบทอดคุณสมบัติอันเป็นที่ยอมรับมาจากเลนส์รุ่นก่อนและนำมาพัฒนาต่อ
ผมใช้เวลาทั้งวันในการถ่ายภาพตัวแบบต่างๆ ในบริเวณภูเขาฟูจิโดยถือกล้องด้วยมือและใช้เลนส์ EF70-200mm f/4L IS II USM
เมื่อหมดวัน ผมก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าเลนส์ EF70-200mm f/4L IS II USM ยังคงมีประสิทธิภาพอันเป็นที่ยอมรับในการแยกรายละเอียดและมีความสามารถสูงในการถ่ายทอดส่วนที่มีความเปรียบต่างสูงเช่นเดียวกับเลนส์รุ่นก่อน
การปรับปรุงของเลนส์รุ่นนี้ทำให้สามารถแสดงภาพได้สว่างและคมชัดยิ่งกว่าเลนส์รุ่นไหนที่ผมเคยใช้มา
EOS 5D Mark IV/ EF70-200mm f/4L IS II USM/ FL: 70 มม./ Aperture-priority AE (f/4, 1/3,200 วินาที, EV+0.3)/ ISO 400/ WB: แสงแดด
สามารถแยกรายละเอียดของภาพได้เป็นอย่างดีจากรูรับแสงกว้างสุดที่ f/4 และเห็นลายเส้นได้ชัดเจนทุกรายละเอียด การโฟกัสที่ภูเขาฟูจิและเบลอต้นไม้ที่อยู่ในโฟร์กราวด์ทำให้ภาพดูสมจริงมากขึ้น
*รีวิวนี้เขียนขึ้นโดยใช้กล้องรุ่นทดลองซึ่งอาจแตกต่างจากกล้องที่วางจำหน่ายในร้านค้าในเรื่องของรูปลักษณ์ภายนอกและคุณภาพของภาพ
ข้อมูลจำเพาะ
โครงสร้างเลนส์: 20 ชิ้นเลนส์ใน 15 กลุ่ม
รูรับแสงต่ำสุด: f/32
จำนวนม่านรูรับแสง: 9 (รูรับแสงทรงกลม)
ระยะโฟกัสใกล้ที่สุด: 1 ม.
กำลังขยายสูงสุด: 0.27 เท่า
เส้นผ่านศูนย์กลางฟิลเตอร์: φ72 ม.
ขนาด: φ80 ×176 มม.
น้ำหนัก: ประมาณ 780 ก.
แผนภาพโครงสร้างเลนส์
A: ชิ้นเลนส์ฟลูออไรต์
B: เลนส์ UD
ติดตั้งบนกล้อง EOS 5D Mark IV
ฮูดเลนส์ ET-78B (มาพร้อมกับกล้อง)
รับข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับการถ่ายภาพ รวมถึงเคล็ดลับและกลเม็ดต่างๆ
ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนชาว SNAPSHOT
ลงทะเบียนตอนนี้!
เกี่ยวกับผู้เขียน
เกิดเมื่อปี 1972 ที่จังหวัดคานากาวะ จบการศึกษาจาก Sophia University และ Tokyo College of Photography Goto เผยแพร่ผลงานคอลเลคชั่นภาพถ่ายที่มีชื่อว่า "LAND ESCAPES" และยังมีส่วนร่วมในผลงานอื่นๆ อีก อาทิ "water silence" การแสดงผลงานศิลปะที่ผสานภาพถ่ายกับวิดีโอเข้าไว้ด้วยกัน
นิตยสารรายเดือนที่เชื่อว่าความสุขของการถ่ายภาพจะยิ่งเพิ่มขึ้น เมื่อผู้ถ่ายภาพได้เรียนรู้เกี่ยวกับฟังก์ชั่นต่างๆ ของกล้องมากยิ่งขึ้น นิตยสารเล่มนี้เผยแพร่ข่าวสารเกี่ยวกับกล้องรุ่นใหม่ๆ รวมถึงคุณสมบัติของกล้องและนำเสนอเทคนิคการถ่ายภาพอย่างหลากหลาย
จัดพิมพ์โดย Impress Corporation