เลนส์ RF กับเลนส์ EF: แตกต่างกันอย่างไรและควรตัดสินใจเลือกอย่างไร
นับตั้งแต่ระบบมิเรอร์เลส EOS R เปิดตัวมาเป็นเวลา 4 ปี กลุ่มผลิตภัณฑ์เลนส์ RF ก็ได้เติบโตขึ้นอย่างมาก จนถึงเดือนกันยายนปี 2567 มีการวางจำหน่ายเลนส์ RF ไปแล้ว 44 รุ่น ไม่ว่าจะเป็นเลนส์มุมกว้างอัลตร้าไวด์ 10 มม. ไปจนถึงเลนส์ซูเปอร์เทเลโฟโต้ 1200 มม. เมื่อใช้เมาท์อะแดปเตอร์ ผู้ใช้ระบบ EOS R จะสามารถใช้เลนส์เมาท์ EF รุ่นใดก็ได้จากกว่า 180 รุ่นที่ได้วางในจำหน่ายตั้งแต่ยุคกล้องฟิล์มจนถึงกล้อง DSLR เลนส์ RF และ EF แตกต่างกันอย่างไร เลนส์ EF รุ่นเก่ามักจะมีราคาถูกกว่าเลนส์ RF ในระดับเดียวกัน เลนส์ RF จึงเป็นการลงทุนที่ดีกว่าจริงหรือไม่ อ่านต่อเพื่อหาคำตอบได้ในบทความนี้และดูไอเดียการสร้างคอลเลกชันเลนส์ที่ใช่สำหรับคุณ
ข้อควรพิจารณาที่ 1: เลนส์ RF มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยกว่า
เมาท์ EF เปิดตัวครั้งแรกในปี 2530 โดยได้รับการออกแบบให้ใช้ได้ในอนาคตอย่างน้อย 30 ปี แต่จะเกิดอะไรขึ้นใน 30 ปีถัดมา
เมาท์ EF เปิดตัวครั้งแรกในปี 1987 ในฐานะเมาท์อิเล็กทรอนิกส์เต็มรูปแบบรุ่นแรกที่ไม่ต้องอาศัยจุดเชื่อมต่อทางกลไกใดๆ ระหว่างเลนส์กับตัวกล้อง เมาท์ EF นี้จึงเป็นเมาท์ที่ล้ำสมัยที่สุดซึ่งได้รับการพัฒนาขึ้นมาโดยคำนึงถึงอนาคตในอีก 30 ปีต่อมา และคุณสมบัตินี้ก็เห็นได้จากความเข้ากันได้กับกล้องทุกรุ่น คุณสามารถใช้เลนส์ EF ที่เปิดตัวเมื่อ 30 ปีที่แล้วกับตัวกล้องรุ่นใหม่ได้โดยที่ยังคงทำงานได้เป็นอย่างดีและมีข้อจำกัดด้านฟังก์ชันเพียงเล็กน้อย
แต่นั่นก็เป็นเวลากว่า 30 ปีมาแล้ว และเทคโนโลยีกล้องได้ก้าวหน้าไปอย่างมาก เพื่อให้ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดได้อย่างเต็มที่ การพัฒนาเมาท์รุ่นใหม่ที่ยังคงสามารถใช้งานได้ใน 30 ปีข้างหน้าจึงเป็นสิ่งจำเป็น นี่เป็นแรงบันดาลใจที่อยู่เบื้องหลังเมาท์ RF ซึ่งได้รับการพัฒนาพร้อมๆ กับระบบกล้องมิเรอร์เลส EOS R โดยคำนึงถึงคุณสมบัติ 3 ข้อเป็นสำคัญ ได้แก่
1. คุณภาพของภาพที่สูงขึ้น
2. ฟังก์ชันการใช้งานที่ดียิ่งขึ้น
3. ความเข้ากันได้กับทุกรุ่น
ข้อแตกต่าง: ระยะแบ็คโฟกัส
คืออะไรและสำคัญอย่างไร
ระยะจากท้ายเลนส์ถึงเซนเซอร์ หมายถึง ระยะจากเมาท์เลนส์ (ฝั่งกล้อง) จนถึงเซนเซอร์ภาพ แต่ความจริงแล้วสิ่งที่มีผลต่อคุณภาพของภาพคือ ระยะแบ็คโฟกัส ซึ่งก็คือระยะจากชิ้นเลนส์หลังสุดไปจนถึงเซนเซอร์ภาพ
เลนส์ EF
ระบบเมาท์ EF ถูกออกแบบมาสำหรับกล้อง SLR ซึ่งมีกระจกอยู่หน้าเซนเซอร์ภาพ และจำเป็นต้องมีพื้นที่เพื่อให้กระจกนี้เคลื่อนที่ขึ้นและลง ซึ่งหมายความว่าระยะแบ็คโฟกัสของเลนส์ EF จะต้องไม่สั้นจนเกินไป ข้อจำกัดในการออกแบบนี้ทำให้การเพิ่มคุณภาพของภาพในเลนส์ EF เป็นไปได้ยากขึ้น
เลนส์ RF
ระบบเมาท์ RF ได้รับการออกแบบมาเพื่อกล้องมิเรอร์เลส จึงไม่จำเป็นต้องเว้นพื้นที่ไว้สำหรับการเคลื่อนตัวของกระจก คุณสมบัตินี้ทำให้มีความยืดหยุ่นในการออกแบบเลนส์มากขึ้นและง่ายต่อการใช้โครงสร้างเลนส์ที่ช่วยยกระดับคุณภาพของภาพได้
เมาท์ RF มีระยะจากท้ายเลนส์ถึงเซนเซอร์ 20 มม. แต่เลนส์ RF สามารถออกแบบให้มีระยะแบ็คโฟกัสสั้นกว่า 20 มม. ได้
เพื่อหลีกเลี่ยงการกีดขวางการเคลื่อนที่ของกระจก เลนส์ EF จะต้องมีระยะแบ็คโฟกัสอย่างน้อย 44 มม.
เลนส์ RF สามารถออกแบบให้มีระยะแบ็คโฟกัสที่สั้นกว่าระยะจากท้ายเลนส์ถึงเซนเซอร์ 20 มม. ได้
เลนส์ที่มีรูรับแสงขนาดใหญ่และเลนส์มุมกว้างจะได้ประโยชน์สูงสุดจากเมาท์ RF ยกตัวอย่างเช่น เลนส์ RF16mm f/2.8 STM ที่อาจมีขนาดใหญ่กว่าและหนักกว่านี้มากหากไม่มีเมาท์ RF
อีกตัวอย่างหนึ่งคือ เลนส์ RF10-20mm f/4L IS STM ที่มีน้ำหนักเบาลงกว่า 50% และเล็กกว่าเลนส์รุ่นก่อนหน้าอย่าง RF11-24mm f/4L USM อย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้จะเพิ่มระบบป้องกันภาพสั่นไหวและทำให้ได้มุมรับภาพที่กว้างขึ้นก็ตาม!
สิ่งที่เหมือนกัน: เส้นผ่านศูนย์กลางเมาท์
ดีมากจนไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนใหม่!
เมาท์ RF และ EF มีเส้นผ่านศูนย์กลางเมาท์ 54 มม. เท่ากัน เส้นผ่านศูนย์กลางเมาท์ขนาดใหญ่ทำให้สามารถใช้ชิ้นเลนส์ขนาดใหญ่เป็นเลนส์หลังสุดได้ ซึ่งจะทำให้แสงหักเหน้อยกว่าก่อนจะผ่านเข้ามายังเซนเซอร์ภาพ จึงช่วยลดความคลาดของเลนส์ได้
แม้ว่าเมาท์ EF จะได้รับการออกแบบมาตั้งแต่ 30 ปีก่อน แต่วิศวกรผู้พัฒนาระบบ EOS R ลงความเห็นแล้วว่ามีคุณสมบัติดีพอ และนำเส้นผ่านศูนย์กลางเมาท์ขนาดเดียวกันนี้มาใช้กับเมาท์ RF
ข้อแตกต่าง: ขาเชื่อมต่อ
ขาเชื่อมต่อที่มากขึ้นทำให้สื่อสารได้ดียิ่งขึ้น
เมาท์ RF มีขาเชื่อมต่ออิเล็กทรอนิกส์ 12 ขา ซึ่งมากกว่าเลนส์ EF ที่มี 8 ขาอยู่ 4 ขา ขาเชื่อมต่อเหล่านี้รวมทั้งโปรโตคอลการส่งสัญญาณที่ดียิ่งขึ้นทำให้การสื่อสารระหว่างเลนส์กับตัวกล้องเป็นไปได้รวดเร็วขึ้นเมื่อเทียบกับเลนส์ EF ข้อมูลเกี่ยวกับการโฟกัส การซูม รูรับแสง การป้องกันภาพสั่นไหว และความคลาดต่างๆ ของเลนส์จะถูกส่งไปยังกล้องอย่างรวดเร็ว จึงทำให้การควบคุมมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ข้อมูลจากเลนส์ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของข้อมูลจำนวนมหาศาลที่ถูกประมวลผลโดยระบบประมวลผลภาพ DIGIC คลิกที่นี่เพื่ออ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหน้าที่ของ DIGIC
ข้อแตกต่าง: วงแหวนโฟกัสและวงแหวนควบคุมอิเล็กทรอนิกส์บนเลนส์ RF
การควบคุมที่ดียิ่งขึ้นขณะถ่ายภาพ
เลนส์ RF มีวงแหวนควบคุมและวงแหวนโฟกัสอิเล็กทรอนิกส์ ในบางรุ่นก็มีทั้งสองแบบ
เมื่อใช้วงแหวนโฟกัสอิเล็กทรอนิกส์ คุณจะสามารถปรับการตั้งค่าการใช้งานได้ เช่น
- ทิศทางการหมุน: มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ที่เปลี่ยนมาจากกล้องระบบอื่นและคุ้นเคยกับการหมุนวงแหวนไปในทิศทางตรงข้าม
- ความไวของวงแหวนโฟกัส MF: เพื่อให้คุณรู้สึกว่าใช้งานได้ง่ายที่สุดขณะโฟกัสแบบแมนนวลอย่างแม่นยำ
คุณสามารถกำหนดให้วงแหวนควบคุมเป็นตัวควบคุมรูรับแสง ความเร็วชัตเตอร์ ความไวแสง ISO การชดเชยแสง หรือแม้แต่สมดุลแสงขาว รูปแบบภาพ และโหมด AF ได้ ขึ้นอยู่กับรุ่นที่คุณใช้ และยังสามารถเปลี่ยนทิศทางการหมุนของวงแหวนควบคุมได้ด้วย
เลนส์บางรุ่น เช่น RF35mm f/1.4L VCM และ RF24-105mm f/2.8L IS USM Z มีวงแหวน Iris เพิ่มเติม ซึ่งช่วยให้รูรับแสงเปลี่ยนขนาดได้อย่างนุ่มนวลขึ้นขณะถ่ายวิดีโอ
TL;DR: เลนส์ RF ได้รับการออกแบบมาให้ใช้งานได้ในอนาคต เลนส์เหล่านี้มีฟังก์ชันการทำงานและการควบคุมที่ดีกว่าเลนส์ EF และคุณมั่นใจได้เลยว่าจะมีคุณภาพทางออพติคอลที่ดีกว่าเลนส์ EF ในระดับเดียวกันด้วย และด้วยความยืดหยุ่นที่มากกว่าในการออกแบบ เลนส์ RF ส่วนใหญ่จึงมีขนาดเล็กกว่าและเบากว่าเลนส์ EF รุ่นที่เทียบเท่ากัน
ข้อควรพิจารณาที่ 2: ความเข้ากันได้กับรุ่นอื่น
คุณสามารถใช้เลนส์ที่มีราคาคุ้มค่าที่สุดได้แม้จะเปลี่ยนไปใช้กล้องระดับที่สูงขึ้น แต่ขึ้นอยู่กับว่าการเปลี่ยนกล้องของคุณเป็นแบบใด!
i) ระหว่าง EOS DSLR กับระบบ EOS R: เลนส์ EF
เลนส์ EF และ EF-S ไม่เพียงใช้ได้กับกล้อง EOS DSLR เท่านั้น แต่ยังสามารถใช้ได้กับกล้องในระบบ EOS R และ EOS M ด้วยเมื่อใช้เมาท์อะแดปเตอร์รุ่นที่เหมาะสม เลนส์เหล่านี้จึงเป็นโซลูชันที่คุ้มค่ามากหากคุณมีงบประมาณจำกัด หรือยังคงใช้กล้องในซีรีย์ EOS DSLR/EOS M ไปพร้อมกัน
ความจริงแล้ว มีเมาท์อะแดปเตอร์ EF-EOS R ที่แตกต่างกัน 3 รุ่น เมาท์อะแดปเตอร์วงแหวนควบคุม EF-EOS R หรือเมาท์อะแดปเตอร์แบบ Drop-In EF-EOS R ไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณใช้เลนส์ EF และ EF-S กับกล้องระบบ EOS R ได้เท่านั้น แต่ยังให้คุณสมบัติเพิ่มเติมด้วย
เมาท์อะแดปเตอร์ EF-EOS R ทั้ง 3 รุ่น
เมาท์อะแดปเตอร์ EF-EOS R
เมาท์เวอร์ชันมาตรฐานนี้จะช่วยปรับระยะจากท้ายเลนส์ถึงเซนเซอร์ให้คุณสามารถติดตั้งเลนส์ EF/EF-S ลงบนกล้องในระบบ EOS R ได้
เมาท์อะแดปเตอร์วงแหวนควบคุม EF-EOS R
ปรับค่าเลนส์ EF/EF-S และเพิ่มฟังก์ชันการทำงานของวงแหวนควบคุม
เมาท์อะแดปเตอร์ฟิลเตอร์แบบ Drop-in EF-EOS R
ปรับค่าเลนส์ EF/EF-S และรองรับฟิลเตอร์ PL หรือ ND แบบ Drop-in มีข้อมูลเพิ่มเติมในส่วนถัดไปของบทความ
คำเตือน: เมาท์อะแดปเตอร์จะเพิ่มความยาวสองถึงสามเซนติเมตรและทำให้หนักขึ้นเล็กน้อย แม้อาจไม่ทำให้เห็นความแตกต่างมากนักสำหรับการจับคู่กล้องกับเลนส์ส่วนใหญ่ แต่อาจทำให้เลนส์บางรุ่นที่ออกแบบมาให้มีความกะทัดรัด (เช่น เลนส์ 50mm f/1.8) มีส่วนที่ยื่นออกมามากกว่าที่ต้องการ หากต้องการให้กล้องและเลนส์มีขนาดกะทัดรัดที่สุด ควรเลือกเลนส์ RF
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
RF50mm f/1.8 STM หรือ EF50mm f/1.8 STM: 6 ข้อเปรียบเทียบสำคัญ
ii) ระหว่างกล้อง APS-C กับกล้อง EOS แบบฟูลเฟรม: เลนส์ RF
หากคุณใช้กล้อง APS-C EOS คุณอาจเป็นเจ้าของเลนส์ EF-S/RF-S ซึ่งได้รับการออกแบบมาสำหรับเซนเซอร์ APS-C ที่มีขนาดเล็กกว่าอยู่แล้ว โปรดทราบด้วยว่า:
- เลนส์ EF-S ไม่สามารถติดตั้งลงบนกล้อง EOS DSLR แบบฟูลเฟรมได้
- เลนส์ RF-S และเลนส์ RF แบบฟูลเฟรมสามารถติดตั้งลงบนกล้องระบบ EOS R รุ่นใดก็ได้ไม่ว่าเซนเซอร์จะมีขนาดเท่าใดโดยไม่ต้องใช้เมาท์อะแดปเตอร์
เมื่อคุณติดตั้งเลนส์ EF-S หรือ RF-S ลงบนกล้องฟูลเฟรมในระบบ EOS R กล้องจะเปลี่ยนมาใช้โหมดครอป 1.6 เท่าโดยอัตโนมัติ ทำให้มีมุมรับภาพเช่นเดียวกับกล้อง APS-C ซึ่งจะมองเห็นได้จากภาพในช่องมองภาพ/Live View
และแน่นอนว่าคุณสามารถใช้อุปกรณ์ในอนาคตต่อไปได้ด้วยหากซื้อเลนส์ RF
คุณอาจสนใจบทความต่อไปนี้
กล้องฟูลเฟรมและกล้อง APS-C: ควรเลือกรุ่นไหนดี
ความเข้ากันได้ของกล้อง/ประเภทเลนส์
|
|
|
|
|
|
EOS R (ฟูลเฟรม) |
|
|
|
|
|
EOS R (APS-C) |
|
|
|
|
|
EOS DSLR (ฟูลเฟรม) |
|
|
|
|
|
EOS DSLR (APS-C) |
|
|
|
|
|
EOS M (APS-C) |
|
|
|
|
|
●ไม่สามารถติดตั้งได้โดยตรง
●ต้องใช้เมาท์อะแดปเตอร์
3. การรองรับความสามารถของระบบ EOS R
ข้อควรพิจารณาที่ 3: เลนส์ RF ช่วยให้สามารถใช้ประโยชน์จากกล้องในระบบ EOS R ได้สูงสุด
หากฟังก์ชันต่อไปนี้มีความสำคัญสำหรับคุณและภาพที่คุณถ่าย เลนส์ RF จะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด
● AF และความสามารถในการถ่ายภาพต่อเนื่อง
แม้จะสามารถใช้เลนส์ EF กับกล้องในระบบ EOS R ได้ผ่านเมาท์อะแดปเตอร์ แต่คุณจะพบกับข้อจำกัดด้านความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่องและพื้นที่ครอบคลุม AF เนื่องจากกลไกภายในเลนส์มาจากเทคโนโลยีรุ่นเก่า หากต้องการใช้ความเร็วและประสิทธิภาพ AF จากกล้องในระบบ EOS R อย่างเต็มศักยภาพ ควรใช้เลนส์ RF
เราทราบกันดีว่านกกระเต็นที่กำลังดำน้ำมีความเร็วสูงและยากจะถ่ายได้ การใช้โหมดถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูงในเลนส์ RF จะช่วยเพิ่มโอกาสให้คุณถ่ายภาพสำเร็จได้มากขึ้น
● ระบบป้องกันภาพสั่นไหว
หากคุณใช้กล้อง EOS R ที่มีระบบป้องกันภาพสั่นไหวในบอดี้กล้อง (IS ในบอดี้กล้อง) เมื่อใช้ร่วมกับเลนส์ RF ที่มีระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออพติคอล (IS แบบออพติคอล) คุณจะสามารถป้องกันภาพสั่นไหวได้ดียิ่งขึ้นอีกเมื่อถ่ายทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ ทั้งนี้เนื่องมาจากเลนส์ RF ที่มีระบบ IS ส่วนใหญ่จะรองรับระบบ IS แบบประสานการควบคุม ซึ่งระบบ IS ภายในเลนส์และกล้องทำงานร่วมกันเพื่อให้สามารถป้องกันภาพสั่นไหวได้ดียิ่งขึ้น
ข้อควรรู้: สำหรับกล้อง EOS DSLR จะสามารถใช้ระบบป้องกันภาพสั่นไหวได้เมื่อคุณใช้เลนส์ EF ที่มีระบบ IS แบบออพติคอลเท่านั้น อย่างไรก็ตาม กล้องในระบบ EOS R ที่มีระบบ IS ในบอดี้กล้องสามารถป้องกันภาพสั่นไหวได้แม้คุณจะใช้เลนส์ RF/EF ที่ไม่มีระบบ IS แบบออพติคอล
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ ฉาก 3 ประเภทที่ใช้ประโยชน์จาก IS ในตัวกล้องได้เต็มที่
4. ประโยชน์ของเมาท์อะแดปเตอร์ฟิลเตอร์แบบ Drop-in EF-EOS R
ข้อควรพิจารณาที่ 4: การใช้เลนส์ EF ทำให้คุณได้ประโยชน์จากเมาท์อะแดปเตอร์ฟิลเตอร์แบบ Drop-in EF-EOS R
ข้อควรทราบสำหรับผู้ที่ใช้ฟิลเตอร์และถ่ายวิดีโอบ่อยๆ
หากคุณใช้ฟิลเตอร์โพลาไรซ์ (PL) หรือฟิลเตอร์ Neutral Density (ND) แบบขันสกรูอยู่บ่อยครั้ง คุณอาจมีฟิลเตอร์หลายขนาดสำหรับติดตั้งบนเลนส์ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางฟิลเตอร์แตกต่างกัน เลนส์บางรุ่น เช่น EF8-15mm f/4L Fisheye USM และ EF11-24mm f/4L USM ไม่สามารถใช้ฟิลเตอร์แบบขันสกรูได้เนื่องจากส่วนประกอบด้านหน้าที่ยื่นออกมา
เมาท์อะแดปเตอร์ฟิลเตอร์แบบ Drop-in EF-EOS R สามารถแก้ปัญหาทั้งสองข้อนี้ได้อย่างง่ายดาย เพียงใส่ฟิลเตอร์ที่เหมาะสม คุณก็จะสามารถใช้กับเลนส์ EF ทุกรุ่น แม้แต่รุ่นที่ไม่รองรับฟิลเตอร์แบบขันสกรู
มีฟิลเตอร์ 3 รุ่นสำหรับเมาท์อะแดปเตอร์ฟิลเตอร์แบบ Drop-in EF-EOS R:
- ฟิลเตอร์โพลาไรซ์ทรงกลม
- ฟิลเตอร์ ND ปรับได้แบบ Drop-In (ND3 - ND500)
- ฟิลเตอร์ใสแบบ Drop-In
สำหรับฟิลเตอร์ ND ปรับได้แบบ Drop-In (ND3 - ND500) หากหมุนวงแหวนจะสามารถปรับเอฟเฟ็กต์การลดแสงได้ตั้งแต่ 1.5 ถึง 9 สต็อป และยังมีประโยชน์ในการถ่ายวิดีโอ เช่น หากคุณต้องการใช้รูรับแสงกว้างเพื่อให้ได้เอฟเฟ็กต์โฟกัสตื้นในวันที่มีแดดจ้า!
เมาท์อะแดปเตอร์ฟิลเตอร์แบบ Drop-in EF-EOS R กับฟิลเตอร์ ND Drop-in แบบปรับได้ A
เมาท์อะแดปเตอร์ฟิลเตอร์แบบ Drop-in EF-EOS R กับฟิลเตอร์ ND Drop-in แบบปรับได้ A
5. เลนส์ที่ใช้ได้กับเมาท์แต่ละรุ่น
ข้อควรพิจารณาที่ 5: คุณจำเป็นต้องใช้เลนส์ประเภทใดเป็นพิเศษหรือไม่
เลนส์บางรุ่นสามารถใช้กับเมาท์ได้เพียงรุ่นเดียวเท่านั้น…ในขณะนี้
ระบบ EF มีอยู่มานานกว่า 30 ปีแล้ว จึงมีเลนส์หลากหลายรุ่นมากกว่าในกลุ่ม ระบบนี้มีเลนส์ EF กว่า 180 รุ่น เมื่อเทียบกับเลนส์ RF ที่มีเพียง 44 รุ่นในเดือนกันยายนปี 2567! และยังมีเลนส์พิเศษบางรุ่นที่ไม่มีเวอร์ชัน RF ในปัจจุบัน เช่น เลนส์ทิลต์-ชิฟต์ เลนส์ฟิชอาย และเลนส์ MP-E65mm f/2.8 1-5X Macro Photo
อย่างไรก็ตาม กลุ่มเลนส์ RF ยังมีเลนส์อันเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่มีเวอร์ชัน EF เทียบเท่าด้วย เช่น RF5.2mm f/2.8L Dual Fisheye (ฉบับภาษาอังกฤษ) และ RF-S3.9mm f/3.5 STM Dual Fisheye ซึ่งทำงานร่วมกับกล้องที่เข้ากันได้เพื่อให้ได้กระบวนการปรับแต่งวิดีโอ VR คุณภาพสูงที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น RF24-105mm f/2.8L IS USM Z ที่แปลกใหม่นี้ผสานความเร็วและความสามารถในการดึงรายละเอียดจากระยะไกลเข้ากับคุณสมบัติเพื่อการถ่ายวิดีโอโดยเฉพาะ เช่น วงแหวน Iris จึงกลายเป็นเลนส์คู่ใจประสิทธิภาพสูงสำหรับช่างภาพแบบไฮบริด
รายการด้านล่างนี้แสดงเลนส์ RF ทุกรุ่นที่มีจำหน่าย ณ เดือนกันยายน 2567 ทางฝั่งซ้าย เลนส์ EF รุ่นหลักๆ ที่วางจำหน่ายเมื่อไม่นานนี้จะอยู่ทางด้านขวา และเราได้แสดงรายการเลนส์ RF รุ่นที่เทียบเท่ากันไว้ด้านข้างด้วยหากมี ระหว่างเลนส์ EF กับเลนส์ RF ที่เทียบเท่ากัน เลนส์ RF เป็นการลงทุนที่คุ้มค่ากว่า
รายการแสดงเลนส์ RF และเลนส์ EF รุ่นสำคัญ (ข้อมูล ณ เดือนกันยายน 2567)
|
|||
EF8-15mm f/4L Fisheye USM | |||
RF10-20mm f/4L IS STM | EF11-24mm f/4L USM | ||
RF15-30mm f/4.5-6.3 IS STM | |||
RF14-35mm f/4L IS USM | EF16-35mm f/4L IS USM | ||
RF15-35mm f/2.8L IS USM | EF16-35mm f/2.8L III USM | ||
EF17-40mm f/4L USM | |||
|
|||
RF24-50mm f/4.5-6.3 IS STM | |||
RF24-70mm f/2.8L IS USM | EF24-70mm f/2.8L II USM | ||
EF24-70mm f/4L IS USM (Macro) | |||
RF24-105mm f/2.8L IS USM Z | |||
RF24-105mm f/4L IS USM | EF24-105mm f/4L IS II USM | ||
RF24-105mm f/4-7.1 IS STM | EF24-105mm f/3.5-5.6 IS STM | ||
RF24-240mm f/4-6.3 IS USM | |||
RF28-70mm f/2L USM | |||
RF28-70mm f/2.8 IS STM | |||
|
|||
EF28-300mm f/3.5-5.6L IS USM | |||
RF70-200mm f/2.8L IS USM | EF70-200mm f/2.8L IS III USM | EF1.4×/2x | |
RF70-200mm f/4L IS USM | EF70-200mm f/4L IS II USM | EF1.4×/2x | |
EF70-300mm f/4-5.6L IS USM | |||
RF100-300mm f/2.8L IS USM | RF1.4×/2x | ||
|
|||
RF100-400mm f/5.6-8 IS USM | RF1.4×/2x | EF70-300mm f/4-5.6 IS II USM | |
RF100-500mm f/4.5-7.1L IS USM | RF1.4×/2x | EF100-400mm f/4.5-5.6L IS II USM | EF1.4×/2x |
EF200-400mm f/4L IS USM Extender 1.4X |
EF1.4×/2x | ||
RF200-800mm f/6.3-9 IS USM | RF1.4×/2x | ||
|
|||
RF5.2mm f/2.8L Dual Fisheye | |||
EF14mm f/2.8L II USM | |||
RF16mm f/2.8 STM | EF20mm f/2.8 USM | ||
EF24mm f/1.4L II USM | |||
RF24mm f/1.8 Macro IS STM | EF24mm f/2.8 IS USM | ||
RF28mm f/2.8 STM | |||
RF35mm f/1.4L VCM | EF35mm f/1.4L II USM | ||
RF35mm f/1.8 Macro IS STM | EF35mm f/2 IS USM | ||
|
|||
EF40mm f/2.8 STM | |||
RF50mm f/1.2L USM | EF50mm f/1.2L USM | ||
EF50mm f/1.4 USM | |||
RF50mm f/1.8 STM | EF50mm f/1.8 STM | ||
|
|||
RF85mm f/1.2L USM DS | |||
RF85mm f/1.2L USM | EF85mm f/1.2L II USM | ||
EF85mm f/1.4L IS USM | |||
RF85mm f/2 Macro IS STM | EF85mm f/1.8 USM | ||
RF100mm f/2.8L Macro IS USM | EF100mm f/2.8L Macro IS USM | ||
RF135mm f/1.8L IS USM | EF135mm f/2L USM | EF1.4×/2x | |
EF180mm f/3.5L Macro USM | EF1.4×/2x | ||
|
|||
EF200mm f/2L IS USM | EF1.4×/2x | ||
EF200mm f/2.8L II USM | EF1.4×/2x | ||
EF300mm f/2.8L IS II USM | EF1.4×/2x | ||
EF300mm f/4L IS USM | EF1.4×/2x | ||
|
|||
RF400mm f/2.8L IS USM | RF1.4×/2x | EF400mm f/2.8L IS III USM | EF1.4×/2x |
EF400mm f/4 DO IS II USM | EF1.4×/2x | ||
EF400mm f/5.6L USM | EF1.4×/2x | ||
EF500mm f/4L IS II USM | EF1.4×/2x | ||
RF600mm f/4L IS USM | RF1.4×/2x | EF600mm f/4L IS III USM | EF1.4×/2x |
RF600mm f/11 IS STM | RF1.4×/2x | ||
RF800mm f/11 IS STM | RF1.4×/2x | ||
RF800mm f/5.6L IS USM | RF1.4×/2x | EF800mm f/5.6L IS USM | EF1.4×/2x |
RF1200mm f/8L IS USM | RF1.4×/2x | ||
|
|||
MP-E65mm f/2.8 1-5X Macro Photo | |||
TS-E 17mm f/4L | |||
TS-E 24mm f/3.5L II | |||
TS-E 50mm f/2.8L Macro | |||
TS-E 90mm f/2.8L Macro | |||
TS-E 135mm f/4L Macro | |||
Extender RF1.4× | Extender EF1.4X III | ||
Extender RF2× | Extender EF2X III | ||
|
|||
RF-S3.9mm f/3.5 STM Dual Fisheye | |||
RF-S10-18mm f/4.5-6.3 IS STM | EF-S10-18mm f/4.5-5.6 IS STM | ||
EF-S10-22mm f/3.5-4.5 USM | |||
EF-S15-85mm f/3.5-5.6 IS USM | |||
EF-S17-55mm f/2.8 IS USM | |||
RF-S18-45mm f/4.5-6.3 IS STM | EF-S18-55mm f/4-5.6 IS STM | ||
RF-S18-150mm f/3.5-6.3 IS STM | EF-S18-135mm f/3.5-5.6 IS USM | ||
RF-S55-210mm f/5-7.1 IS STM | EF-S55-250mm f/4-5.6 IS STM | ||
EF-S24mm f/2.8 STM | |||
EF-S35mm f/2.8 Macro IS STM | |||
EF-S60mm f/2.8 Macro USM |
■ เลิกผลิตแล้ว
เลนส์ EF รุ่นเก่าจะไม่รวมอยู่ในรายการนี้ หากต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดู พิพิธภัณฑ์กล้อง Canon
6. ความเข้ากันได้กับอุปกรณ์ขยายระยะเลนส์
ข้อควรพิจารณาที่ 6: คุณต้องถ่ายตัวแบบที่อยู่ไกลหรือไม่
เลนส์ซูเปอร์เทเลโฟโต้ RF รองรับอุปกรณ์ขยายระยะเลนส์ได้ดีกว่า
คุณอาจเห็นจากตารางด้านบนแล้วว่า ในกลุ่มเลนส์ EF มีเฉพาะเลนส์เทเลโฟโต้ในซีรีย์ L เท่านั้นที่รองรับอุปกรณ์ขยายระยะเลนส์ (เทเลคอนเวอร์เตอร์) แต่ถึงอย่างนั้น การใช้งานฟังก์ชัน AF ก็อาจยังมีข้อจำกัด แต่ในกลุ่มเลนส์ RF จะมีเลนส์ซูเปอร์เทเลโฟโต้นอกซีรีย์ L ราคาไม่แพงที่รองรับการใช้อุปกรณ์ขยายระยะเลนส์ และหากคุณต้องการเข้าใกล้ตัวแบบให้ได้มากที่สุด ก็สามารถใช้เลนส์ RF1200mm f/8L IS USM ได้ เมื่อใช้ร่วมกับอุปกรณ์ขยายระยะเลนส์ Extender RF2x จะช่วยเพิ่มระยะให้คุณสูงสุดถึง 2400 มม. พร้อมรองรับ AF ในตัว
ใช้อุปกรณ์ขยายระยะเลนส์ Extender RF2x กับเลนส์ RF200-800mm f/6.3-9 IS STM อันเป็นเอกลักษณ์เพื่อถ่ายภาพที่ระยะ 1600 มม. ซึ่งเพียงพอสำหรับถ่ายรายละเอียดบนดวงจันทร์ได้แบบโคลสอัพได้โดยไม่ต้องครอปภาพ
7. วางกลยุทธ์ในการเป็นเจ้าของเลนส์ของคุณ
สรุป: วางกลยุทธ์ในการเป็นเจ้าของเลนส์ของคุณ
ในภาพรวมแล้วอาจกล่าวได้ว่า เลนส์ RF นั้นเป็นการลงทุนที่ดีกว่าเลนส์ EF เนื่องจากใช้ประโยชน์ได้เต็มที่จากเมาท์ RF และได้รับการออกแบบมาให้สามารถใช้ศักยภาพสูงสุดของกล้องระบบ EOS R ทั้งในปัจจุบันและอนาคต
- หากคุณไม่ได้เป็นเจ้าของเลนส์เวอร์ชัน EF อยู่แล้ว:
เลนส์ RF คือตัวเลือกที่ดีที่สุด
- หากคุณมีเลนส์เวอร์ชัน EF อยู่แล้ว:
ควรเปลี่ยนมาใช้เวอร์ชัน RF หาก...
- คุณต้องการความเร็วและ AF ประสิทธิภาพสูงสุด เคล็ดลับ: เลนส์ RF เทเลโฟโต้จะให้ประสิทธิภาพ AF และการถ่ายต่อเนื่องที่ดีกว่าเลนส์ EF
- คุณต้องการคุณสมบัติ IS ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
- คุณต้องการขนาดกะทัดรัดและน้ำหนักเบาจากทั้งกล้องและเลนส์
อย่างไรก็ตาม หากปัจจัยเหล่านี้ไม่สำคัญสำหรับคุณ คุณสามารถใช้เลนส์ EF/EF-S ร่วมกับเมาท์อะแดปเตอร์ต่อไปได้
คุณสามารถอ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับเลนส์ RF หลากหลายรุ่นได้ที่
In Focus: รีวิวเลนส์ RF
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเลนส์และคุณสมบัติของเลนส์ได้ที่:
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเลนส์: ชื่อเลนส์มีความหมายอย่างไรและทำไมเลนส์บางรุ่นจึงเป็นสีขาว
ทำความรู้จักท่อเลนส์ของคุณ (1): เครื่องหมาย วงแหวน และสวิตช์ที่เป็นประโยชน์