Kim ช่างภาพผู้เป็น EOS Creator ของ Canon Indonesia (@niesukma) จะมาแบ่งปันความรู้ เคล็ดลับ และเทคนิคสำหรับมือใหม่ไปพร้อมๆ กับอธิบายขั้นตอนการถ่ายภาพให้เราได้เรียนรู้กัน
1. วางแผนเกี่ยวกับแนวคิดและภาพ
ก่อนที่คุณจะเริ่มถ่ายภาพ ให้ลองคิดดูว่าคุณต้องการให้ภาพที่ได้ดูเป็นอย่างไร คุณต้องการสื่อถึงแนวคิดหรืออารมณ์แบบใด เนื่องจากสิ่งเหล่านี้จะส่งผลต่อแบ็คกราวด์ โทนสี อุปกรณ์ประกอบฉากที่ใช้ และสไตล์การจัดแสง
อารมณ์
การสร้างอารมณ์ที่สดใสจะทำได้ง่ายขึ้นหากใช้ฉากหลังและอุปกรณ์ประกอบฉากที่มีสีอ่อนหรือสว่าง เช่นเดียวกับการสร้างอารมณ์ที่ดูมืดหม่นและขุ่นมัวมากขึ้นด้วยฉากหลังและอุปกรณ์ประกอบฉากที่มีสีมืดหรือเข้มกว่า
แบ็คกราวด์มีบทบาทสำคัญในการกำหนดอารมณ์ของภาพ แต่คุณยังสามารถใช้อุปกรณ์ประกอบฉากสีอ่อนในภาพที่ดูมืดทึมได้หากวางแผนมาดี
ภาพที่สว่างและดูโปร่งโล่งจะต้องใช้การจัดแสงที่สว่างและสม่ำเสมอกว่า ในขณะที่ภาพโทนเข้มจะมีเรื่องของเงาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
ภาพพายแอปเปิ้ลด้านบนและขนมปังซินนามอนด้านล่างคือภาพที่ฉันเรียกว่า “สไตล์อารมณ์สดใส” เงาจะดูลุ่มลึกกว่าและเห็นได้ชัดกว่าภาพที่มีลักษณะ “สว่างและโปร่งโล่ง” ทั่วไป
สีของอุปกรณ์ประกอบฉากและแบ็คกราวด์ทำให้อารมณ์ของภาพเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
แนวคิดและอุปกรณ์ประกอบฉาก
ขณะวางแผนอุปกรณ์ประกอบฉาก ให้คุณลองคิดดูว่าต้องการบอกเล่าเรื่องราวอะไรจากภาพอาหารนี้ คุณต้องการให้ผู้ชมนึกถึงอะไรเมื่อเห็นอาหาร
แนวทางการริเริ่มความคิด:
- ส่วนผสมที่ใช้ทำอาหาร
- เรื่องราวความเป็นมาหรือแหล่งกำเนิดของอาหาร
- อาหารนั้นทำให้ผู้คนรู้สึกอย่างไร
ฉันมักจะใส่เครื่องดื่มเข้าไปในภาพด้วยเพื่อช่วยในการบอกเล่าเรื่องราว ฉันต้องการให้ผู้ที่ได้เห็นภาพรับรู้ถึงอารมณ์และเพลิดเพลินไปกับภาพราวกับเป็นเวลาดื่มชา อาหารเช้า หรือเวลารับประทานของว่าง ฯลฯ
เคล็ดลับระดับมือโปร: หลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์ประกอบฉากที่แวววาว คุณจะได้ไม่ต้องแก้ปัญหาเรื่องเงาสะท้อน
สี
อาหารคือตัวแบบหลัก ดังนั้น ให้คิดถึงสีสันของอาหารและพิจารณาว่าคุณจะทำให้สีสันเหล่านี้โดดเด่นขึ้นได้อย่างไร คุณสามารถใช้ทฤษฎีสีช่วยได้
ภาพพายแอปเปิ้ลที่ถ่ายในภาพแรก ฉันเพิ่มใบโรสแมรี่สีเขียวเข้าไปเพื่อให้เป็นจุดเด่นที่ตัดกับสีน้ำตาลและสีแดงที่ดูกลมกลืนกันของพายแอปเปิ้ล ใบโรสแมรี่ทำให้ “เรื่องราว” ของเวลาอาหารว่างสมบูรณ์ขึ้น และยังสามารถใส่ลงในถ้วยชาเพื่อเพิ่มรสชาติได้!
เคล็ดลับระดับมือโปร: การเลือกฉากหลังครั้งแรกของคุณ
- เลือกสีกลางๆ เพื่อให้ถ่ายภาพได้หลากหลายมากขึ้น
- ใช้แบ็คกราวด์สองแบบทั้งสีเข้มและสีอ่อน เพื่อถ่ายภาพให้ได้อารมณ์แตกต่างกัน
- หลีกเลี่ยงลวดลายที่โดดเด่นหรือดูยุ่งเหยิง เพราะจะทำให้อาหารไม่เด่นเท่าที่ควร
- ไม้และเซรามิกคือวัสดุที่เหมาะสำหรับการถ่ายภาพอาหารเสมอ!
2. วางแผนการจัดแสง
ใช้แสงด้านข้างหรือด้านหลัง
เรามักจะใช้แสงด้านข้างหรือด้านหลังเพื่อให้เห็นผิวสัมผัส รูปทรง และมิติได้ชัดเจนขึ้น แสงด้านหน้าจะทำให้อาหารดูแบนราบและน่าเบื่อ
การจัดแสงคือการควบคุมเงาด้วยเช่นกัน
การจัดแสงไม่ใช่เพียงแค่การใช้แสงในปริมาณที่เพียงพอกับตัวแบบเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของการควบคุมเงาด้วย เพราะเงาจะช่วยให้รูปทรงและผิวสัมผัสโดดเด่นออกมา
เตรียมแผ่นกั้นแสงและรีเฟล็กเตอร์เอาไว้ เนื่องจากอุปกรณ์เหล่านี้จะเป็นประโยชน์แม้ในการถ่ายภาพที่ใช้แสงจากธรรมชาติ คุณสามารถประดิษฐ์อุปกรณ์เหล่านี้เองได้โดยใช้กระดาษแข็งหรือวัสดุที่เป็นแผ่นแข็ง รีเฟล็กเตอร์ของฉันคือฐานรองเค้กไม้อัดเคลือบสีเงินที่ซื้อมาจากร้านเค้กในราคาแสนถูก
EOS R6 Mark II + RF50mm f/1.8 STM ที่ f/4, 1/15 วินาที, ISO 320
แผ่นกั้นแสงในฉากนี้ช่วยควบคุมแสงธรรมชาติให้ดูเหมือนมีแสงด้านข้างส่องมาจากหน้าต่างที่มุมประมาณ 45 องศาหลังฉากของตัวแบบ และแผ่นกั้นแสงเหล่านี้ยังช่วยเพิ่มเงาเล็กน้อยที่มุมซ้ายล่างและมุมบนขวาของภาพ ซึ่งทำให้ความสนใจของเราไปอยู่ที่ผิวสัมผัสด้านบนของพาย
ไม่ใช้แผ่นกั้นแสง
ใช้แผ่นกั้นแสง
เมื่อไม่ใช้แผ่นกั้นแสง แสงจะดูแบนเรียบกว่าและสม่ำเสมอมากกว่า สายตาของเราจะถูกดึงดูดไปที่พายทั้งชิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ด้านหน้าดังแสดงตามลูกศร ซึ่งเป็นจุดที่อยู่ใกล้กับเรามากที่สุด
เคล็ดลับระดับมือโปร: ช่วงเวลาของวันก็สำคัญ!
หากต้องการภาพที่ดูสว่างด้วยแสงธรรมชาติ ให้เลือกถ่ายภาพในเวลาที่แสงไม่จ้าจนเกินไป เช่น ตอนเช้าตรู่หรือบ่ายแก่ๆ
ล้ำไปอีกขั้น: แสงเทียมให้อิสระมากขึ้น
EOS R6 Mark II + RF50mm f/1.8 STM ที่ f/3.5, 1/100 วินาที, ISO 800
คุณสามารถสร้าง “แสงธรรมชาติ” ขึ้นเองเมื่อใดก็ได้โดยการใช้แฟลชหรือไฟสตูดิโอและซอฟต์บ็อกซ์ขนาดใหญ่กับแผ่นกั้นแสงและรีเฟล็กเตอร์ของคุณ
ซอฟต์บ็อกซ์ขนาดใหญ่ที่วางอยู่ด้านหน้าตัวแบบทำให้แสงดูนุ่มนวลขึ้นและกระจายตัวได้ดีขึ้น เงาจึงดูไม่มืดจนเกินไป ช่องรังผึ้งของซอฟต์บ็อกซ์ก็ช่วยให้กระจายแสงได้มากยิ่งขึ้น
3. ควรใช้เลนส์รุ่นใด
เลนส์ 50 มม. จะใช้งานได้ง่ายที่สุด และใช้ทางยาวโฟกัสที่กว้างขึ้นสำหรับการถ่ายภาพการจัดเรียงสิ่งของจากมุมสูง (Flat Lay)
EOS R6 Mark II + RF35mm f/1.8 Macro IS STM ที่ f/4, 1/100 วินาที, ISO 100
ในการถ่ายภาพอาหารเชิงพาณิชย์ เราย่อมต้องไม่อยากให้รูปทรงของอาหารเกิดการบิดเบี้ยว ดังนั้น เราจึงไม่ค่อยใช้ทางยาวโฟกัสที่กว้างเกินไป ระยะที่ 50 มม. เป็นอย่างน้อยจะเหมาะสมกับสถานการณ์ส่วนใหญ่ แม้คุณจะสามารถใช้มุมกว้างขึ้นได้เล็กน้อยหากถ่ายภาพการจัดเรียงสิ่งของจากมุมสูง เนื่องจากการถ่ายภาพจากด้านหน้าจะไม่ทำให้การบิดเบี้ยวชัดเจนนัก
ฉันชอบใช้เลนส์เดี่ยวเนื่องจากมีรูรับแสงกว้างสุดขนาดใหญ่และมีความคมชัด สามารถโฟกัสอัตโนมัติในสภาวะแสงน้อยได้ลื่นไหลขึ้นเมื่อใช้รูรับแสงกว้างสุดขนาดใหญ่ แน่นอนว่าเลนส์ซูมมาตรฐานจะใช้จัดเฟรมภาพและถ่ายวิดีโอได้สะดวกมากกว่า หากคุณมีเลนส์ซูมรูรับแสงกว้าง เช่น RF24-70mm f/2.8L IS USM หรือ RF28-70mm f/2.8 IS STM รุ่นใหม่ คุณจะสามารถถ่ายทั้งภาพนิ่งและวิดีโอได้อย่างยอดเยี่ยม!
สิ่งที่ควรพิจารณาด้วยเช่นกัน:
- การบีบอัดและเอฟเฟ็กต์ที่เกิดขึ้นกับอุปกรณ์ประกอบฉากของคุณ
ทางยาวโฟกัสเทียบเท่าฟูลเฟรมที่ประมาณ 50 มม. จะให้เปอร์สเปคทีฟที่เป็นธรรมชาติมากที่สุด หากคุณใช้กล้อง APS-C จะหมายถึงทางยาวโฟกัส 32 มม.
ทางยาวโฟกัสที่ยาวกว่านี้อาจจะทำให้อุปกรณ์ประกอบฉากในแบ็คกราวด์ดูใหญ่กว่าที่คิดเนื่องจาก เอฟเฟ็กต์การบีบอัดเปอร์สเปคทีฟ ซึ่งอาจโดดเด่นเกินอาหารได้ ฉันต้องปรับอุปกรณ์ประกอบฉากบ่อยขึ้นเมื่อใช้เลนส์ 50 มม. กับกล้อง APS-C
- ระยะการทำงาน
ระยะการทำงาน หมายถึง ระยะที่เลนส์ของคุณต้องอยู่ห่างจากตัวแบบเพื่อให้ได้เฟรมภาพที่ต้องการ ซึ่งระยะนี้จะมีความสำคัญมากเป็นพิเศษเมื่อคุณใช้เลนส์เดี่ยว ปกติฉันมักจะใช้เลนส์ RF50mm f/1.8 STM แต่เลือก RF35mm f/1.8 Macro IS STM ซึ่งให้มุมที่กว้างกว่าในการถ่ายภาพการจัดเรียงสิ่งของจากมุมสูง ฉันจึงไม่ต้องปีนขึ้นไปสูงๆ เพื่อถ่ายภาพ!
กล้อง EOS R6 Mark II ของฉันและเลนส์ RF35mm f/1.8 Macro IS STM ที่เตรียมไว้สำหรับการถ่ายภาพการจัดเรียงสิ่งของจากมุมสูง
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ เลนส์ 3 แบบสำหรับเริ่มต้นถ่ายภาพอาหาร
4. ควรใช้การตั้งค่าแบบใด
ถ่ายภาพให้เสร็จสมบูรณ์ที่สุดตั้งแต่ในกล้อง
ขณะถ่ายภาพแบบ RAW ฉันจะพยายามถ่ายภาพในกล้องให้ออกมาใกล้เคียงกับภาพสุดท้ายที่ต้องการมากที่สุด เพื่อให้มีการปรับแต่งภาพเพียงเล็กน้อย วิธีนี้จะทำให้ขั้นตอนการทำงานของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การโฟกัสเป็นสิ่งสำคัญ
1) เรียนรู้การควบคุมระยะชัด
ทำความเข้าใจว่าระยะชัดมีกลไกอย่างไร เพื่อให้คุณทราบวิธีการและองค์ประกอบที่ต้องปรับเปลี่ยนในยามจำเป็น เพราะระยะชัดจะแตกต่างกันไปในแต่ละสถานการณ์และอาหารแต่ละประเภท!
โดยส่วนตัวแล้ว ฉันจะชอบภาพที่มีแบ็คกราวด์เบลอเล็กน้อย (โบเก้ในแบ็คกราวด์) เนื่องจากช่วยเพิ่มความลึกให้กับภาพและเหมาะกับอารมณ์ทุกรูปแบบ อย่างไรก็ตาม หากลูกค้าต้องการหรือสถานการณ์ทำให้ต้องถ่ายตัวแบบหรือฉากทั้งหมดให้อยู่ในโฟกัส ฉันจะปรับค่า f หรือใช้การซ้อนโฟกัส กล้องในซีรีย์ EOS R รุ่นใหม่ล่าสุดบางรุ่น เช่น EOS R6 Mark II จะมีฟังก์ชั่น Focus Bracketing ในตัวกล้องและฟังก์ชั่น Depth Compositing ที่สามารถถ่ายภาพและนำภาพมาซ้อนกันได้
EOS R6 Mark II + RF50mm f/1.8 STM
โบเก้ก็สามารถอยู่ในโฟร์กราวด์ได้เช่นกัน! ในภาพนี้ ใบไม้เบลอที่อยู่ในโฟร์กราวด์ทำหน้าที่เป็นกรอบให้ตัวแบบ ทั้งยังช่วยเพิ่มสีสันและความมีมิติให้กับภาพ
2) ตรวจสอบโฟกัสหลังถ่ายภาพทุกภาพ หรือลองถ่ายภาพขณะเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น
วิธีนี้จะช่วยให้โฟกัสคมชัดโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้ค่ารูรับแสงกว้าง บางครั้งภาพบนหน้าจอ LCD ก็มองเห็นได้ยาก ดังนั้นจึงควรขยายภาพให้ใหญ่ขึ้นขณะตรวจดู
หรือคุณอาจถ่ายภาพขณะเชื่อมต่ออุปกรณ์ (เชื่อมต่อกล้องของคุณเข้ากับคอมพิวเตอร์หรือแท็บเล็ตในขณะถ่ายภาพ) วิธีนี้จะช่วยให้คุณดูภาพที่ถ่ายได้ด้วยความละเอียดสูงสุดได้ทันทีบนหน้าจอขนาดใหญ่ และยังสามารถบันทึกภาพลงในคอมพิวเตอร์ได้โดยตรงอีกด้วย! วิธีนี้จะเป็นประโยชน์เป็นพิเศษในการถ่ายภาพจากมุมบนลงล่าง เพราะคุณจะไม่ต้องคอยวิ่งกลับไปที่กล้องเพื่อปรับการตั้งค่าต่างๆ จึงเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพมากในการถ่ายภาพผลิตภัณฑ์ให้ลูกค้าหรือภาพเชิงพาณิชย์
เคล็ดลับการใช้อุปกรณ์: คุณสามารถถ่ายภาพขณะเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้แบบไร้สายด้วย EOS Utility ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ฟรีจาก Canon
สมดุลแสงขาว: ตรวจสอบทันที
คุณคงไม่อยากให้อาหารดูมีสีออกไปทางเหลืองหรือน้ำเงินมากเกินไป ซึ่งไม่ใช่เหตุผลด้านความสวยงามเพียงอย่างเดียว แต่สีเพี้ยนบนอาหารบางประเภท เช่น ครีม อาจทำให้ผู้ชมเข้าใจผิดว่ามีรสชาติทั้งที่ความจริงแล้วอาจไม่มี ในขั้นแรก สมดุลแสงขาวอัตโนมัติ: Ambience-priority จะให้สีที่ค่อนข้างแม่นยำเป็นส่วนใหญ่ เพื่อการควบคุมและความสม่ำเสมอที่ดียิ่งขึ้น ฉันจะปรับอุณหภูมิสีแบบแมนนวลโดยใช้องศาเคลวินในขณะถ่ายภาพ
รูปแบบภาพ: รายละเอียดคมชัด
ฉันใช้การตั้งค่ารูปแบบภาพ “รายละเอียดคมชัด” เพื่อให้เห็นรายละเอียดของอาหารมากขึ้น
รูปแบบภาพคืออะไร
การตั้งค่า “รูปแบบภาพ” คือโปรไฟล์ภาพที่ควบคุมการใช้สี ความเปรียบต่าง และความคมชัดภายในภาพ ซึ่งรูปแบบภาพจะส่งผลต่อภาพที่คุณมองเห็นในกล้อง และรูปแบบภาพมักจะโหลดเองโดยค่าเริ่มต้นเมื่อคุณเปิดภาพ RAW ในซอฟต์แวร์ปรับแต่งภาพ ดังนั้น ภาพที่คุณเห็นก็คือภาพที่คุณถ่ายได้
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
พื้นฐานเกี่ยวกับกล้อง #10: รูปแบบภาพ
ความไวแสง ISO: รู้จักกล้องของคุณ
รายละเอียดคือสิ่งสำคัญในการถ่ายภาพอาหาร ฉันจึงตั้งค่าความไวแสง ISO ให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อให้ได้ภาพที่คมชัดทันทีหลังถ่าย ฉันรู้สึกสบายใจมากกว่าเดิมเวลาใช้ค่าความไวแสง ISO สูงบนกล้องฟูลเฟรมอย่าง EOS R6 Mark II เนื่องจากกล้องรุ่นนี้มีประสิทธิภาพความไวแสง ISO สูงที่ดีกว่า
5. การปรับแต่ง
เนื่องจากงานส่วนใหญ่จะเสร็จสิ้นทันทีหลังการถ่ายภาพ โดยมากฉันจึงต้องแก้ไขความสว่าง ความเปรียบต่าง และความคมชัดเพียงเล็กน้อยเท่านั้นในกระบวนการปรับแต่งภาพ
ดูเคล็ดลับการถ่ายภาพอาหารและอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวคิดในบทความนี้ได้ที่
ถ่ายภาพอาหารให้ดูสวยยิ่งขึ้น: 3 เคล็ดลับง่ายๆ
ภาพมาโครชวนน้ำลายสอ: ศิลปะแห่งการถ่ายภาพอาหารแบบโคลสอัพ
เคล็ดลับในการถ่ายภาพและออกแบบอาหาร
3 เทคนิคการออกแบบและจัดองค์ประกอบสำหรับการถ่ายภาพอาหาร