ค้นหาสิ่งที่คุณต้องการ

หรือค้นหาโดย

หัวข้อ

Article
Article

Article

e-Book
e-Book

e-Book

Video
Video

Video

Campaigns
Campaigns

Campaigns

Architecture
กล้องคอมแพค

กล้องคอมแพค

Architecture
DSLRs

DSLRs

Architecture
การถ่ายวีดิโอ

การถ่ายวีดิโอ

Architecture
ภาพดาราศาสตร์

ภาพดาราศาสตร์

Architecture
กล้องมิลเลอร์เลส

กล้องมิลเลอร์เลส

Architecture
ภาพสถาปัตยกรรม

ภาพสถาปัตยกรรม

Architecture
เทคโนโลยีของแคนนอน

เทคโนโลยีของแคนนอน

Architecture
การถ่ายภาพในขณะที่มีแสงน้อย

การถ่ายภาพในขณะที่มีแสงน้อย

Architecture
การสัมภาษณ์ช่างภาพ

การสัมภาษณ์ช่างภาพ

Architecture
ภาพวิวทิวทัศน์

ภาพวิวทิวทัศน์

Architecture
การถ่ายภาพมาโคร

การถ่ายภาพมาโคร

Architecture
การถ่ายภาพกีฬา

การถ่ายภาพกีฬา

Architecture
การถ่ายภาพท่องเที่ยว

การถ่ายภาพท่องเที่ยว

Architecture
การถ่ายภาพใต้น้ำ

การถ่ายภาพใต้น้ำ

Architecture
แนวคิดการถ่ายภาพและการประยุกต์ใช้

แนวคิดการถ่ายภาพและการประยุกต์ใช้

Architecture
การถ่ายภาพสตรีท

การถ่ายภาพสตรีท

Architecture
กล้องมิเรอร์เลสแบบฟูลเฟรม

กล้องมิเรอร์เลสแบบฟูลเฟรม

Architecture
เลนส์และอุปกรณ์เสริม

เลนส์และอุปกรณ์เสริม

Architecture
Nature & Wildlife Photography

Nature & Wildlife Photography

Architecture
การถ่ายภาพพอร์ตเทรต

การถ่ายภาพพอร์ตเทรต

Architecture
การถ่ายภาพกลางคืน

การถ่ายภาพกลางคืน

Architecture
การถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง

การถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง

Architecture
โซลูชั่นการพิมพ์

โซลูชั่นการพิมพ์

Architecture
รีวิวผลิตภัณฑ์

รีวิวผลิตภัณฑ์

Architecture
การถ่ายภาพงานแต่งงาน

การถ่ายภาพงานแต่งงาน

ผลิตภัณฑ์ >> ผลิตภัณฑ์ทั้งหมด จุดโฟกัส: พื้นฐานสำหรับการถ่ายภาพด้วยแฟลชเสริม- Part2

Speedlite 470EX-AI: สำรวจฟังก์ชั่นสะท้อนแสงแฟลช AI (AI Bounce) รุ่นแรกของโลก

2018-04-19
4
4.4 k
ในบทความนี้:

เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2018 Canon เปิดตัว Speedlite 470EX-AI แฟลช Speedlite ตัวแรกที่มีฟังก์ชั่นสะท้อนแสงแฟลช Auto Intelligent (AI) ด้วยความสามารถในการวิเคราะห์และกำหนดมุมสะท้อนแฟลชที่เหมาะสมที่สุด ฟังก์ชั่นนี้จึงช่วยยกระดับประสบการณ์การถ่ายภาพด้วยแฟลชสะท้อนทั้งสำหรับผู้เริ่มถ่ายภาพด้วยแฟลชและผู้ใช้ที่มีประสบการณ์ ในบทความนี้ มาดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคนิคการถ่ายภาพที่ใช้ประโยชน์จากโหมด AI.B full-auto และ AI.B semi-auto กัน (เรื่องโดย: Seigi Takakuwa / นางแบบ: Hitomi Otsuki (Oscar Promotion)

Speedlite 470EX-AI

 

สะท้อนแสงแฟลช AI: ถ่ายภาพด้วยแฟลชสะท้อนอย่างง่ายดาย

Speedlite 470EX-AI ใหม่จาก Canon มีระบบอันล้ำสมัยที่ไม่เคยมีมาก่อนในรุ่นก่อนหน้านี้

เมื่อนำอุปกรณ์แฟลชเสริมแบบเดิมมาใช้ในการถ่ายภาพด้วยแฟลชสะท้อน กล้องจะกำหนดกำลังแสงแฟลชที่เหมาะสมที่สุดโดยใช้ระบบ Evaluative Through The Lens (E-TTL) แต่ต้องกำหนดมุมสะท้อนที่เหมาะสมที่สุดด้วยตนเอง โดยพิจารณาถึงระยะห่างของแฟลชจากตัวแบบกับความสูงของเพดาน

แต่ใน Speedlite 470EX-AI กระบวนการทั้งหมดนี้จะใช้ฟังก์ชั่นสะท้อนแสงแฟลชอัจฉริยะอัตโนมัติ (AI) โดยอัตโนมัติ ฟังก์ชั่นนี้ขับเคลื่อนโดยการผสมผสานระหว่าง CPU ในตัว, เซนเซอร์ตรวจจับความเร่ง เซนเซอร์วัดระยะห่าง และมอเตอร์สำหรับการถ่ายภาพด้วยแฟลชสะท้อน โดยจะทำงานร่วมกันเพื่อค้นหาและกำหนดกำลังแสงแฟลชและมุมสะท้อนที่เหมาะสมที่สุด คุณสมบัติเหล่านี้อาจแสดงให้เห็นเป็นนัยถึงสิ่งที่คุณคาดหวังได้จากอุปกรณ์แฟลชในอนาคต

 

โหมดสะท้อนแสงแฟลช AI สองโหมด

ฟังก์ชั่นสะท้อนแสงแฟลช AI มีโหมดอัตโนมัติสองโหมด

ในโหมด AI.B full-auto กล้องจะควบคุมการตั้งค่าการถ่ายภาพด้วยแฟลชสะท้อน ทำให้ใช้งานง่ายแม้แต่สำหรับผู้ใช้งานมือใหม่ แสงที่ปล่อยออกมาจากแฟลชสามารถให้แสงสว่างแก่ตัวแบบได้อย่างเพียงพอและสวยงามแม้แต่หลังจากมีการสะท้อนและกระจายตัว ส่งผลให้ภาพที่ได้ดูเป็นธรรมชาติโดยไม่ทำให้เกิดเงาเด่นชัดในส่วนแบ็คกราวด์

ในโหมด AI.B semi-auto เราสามารถตั้งค่าแฟลช Speedlite ให้ "จดจำ" มุมสะท้อนและการวางแนวแฟลชที่ผู้ใช้กำหนดไว้ล่วงหน้าด้วยตัวเอง หากผู้ใช้เคลื่อนกล้องจากแนวตั้งเป็นแนวนอนหรือในทางกลับกัน แฟลช Speedlite จะปรับมุมสะท้อนและแนวแฟลชโดยอัตโนมัติ เพื่อให้มุมกับผิวของแฟลชเหมือนกับการตั้งค่าที่จัดเก็บไว้ ผู้ใช้จึงสามารถถ่ายภาพได้อย่างลื่นไหล โดยไม่ต้องปรับมุมสะท้อนแฟลชเองอยู่บ่อยๆ

เคล็ดลับมีประโยชน์ที่ควรจดจำ: โหมด AI.B full-auto ช่วยให้สะท้อนแฟลชจากเพดานได้ง่าย ส่วนโหมด AI.B semi-auto สามารถใช้สะท้อนแฟลชจากกำแพงได้ง่าย

ในบทความนี้ เราจะทำการทดสอบแฟลช Speedlite 470EX-AI โดยใช้ทางยาวโฟกัส ระยะการถ่ายภาพ และการวางแนวกล้องที่แตกต่างกัน ซึ่งไม่เพียงทำให้เราเห็นวิธีทำงานของฟังก์ชั่นสะท้อนแสงแฟลช AI ด้วยตัวเองเท่านั้น แต่ยังทำให้เราสามารถตรวจสอบได้ว่าแฟลชทำให้ตัวแบบสว่างได้อย่างมีประสิทธิภาพเพียงใด ต่อจากนั้น ผมจะแบ่งปันเทคนิคที่คุณสามารถใช้งานกับแต่ละโหมดได้

ใช้การยิงแฟลชสะท้อนเพดานเพื่อให้แสงไฟกระจายอย่างทั่วถึง

EOS 5D Mark IV/ EF24-70mm f/2.8L II USM/ FL: 44mm/ Manual exposure (f/2.8, 1/200 วินาที)/ ISO 100/ WB: อัตโนมัติ

แม้ว่าผมพยายามใช้แสงธรรมชาติที่ส่องผ่านหน้าต่างให้คุ้มค่าที่สุด แต่ฉากมีแสงย้อนจากด้านหลังเล็กน้อยจึงทำให้ใบหน้าของนางแบบดูคล้ำขึ้น เพื่อให้แสงไฟกระจายอย่างทั่วถึง ผมจึงใช้โหมด AI.B full-auto ในแฟลช Speedlite 470EX-AI เพื่อสะท้อนแฟลชจากเพดาน ผลที่ได้คือภาพถ่ายที่ดูเป็นธรรมชาติดังที่คุณเห็นด้านบน

 

การทดสอบฟังก์ชั่นสะท้อนแสงแฟลช AI: การเคลื่อนที่ของหัวแฟลชและการรับแสงเปลี่ยนไปอย่างไร

ทางยาวโฟกัส การวางแนวตั้ง/แนวนอน ระยะการถ่ายภาพ และระยะห่างจากแบ็คกราวด์มีผลต่อฟังก์ชั่นสะท้อนแสงแฟลช AI และเอฟเฟ็กต์ที่ได้หรือไม่ เพื่อค้นหาคำตอบ ผมจึงตัดสินใจทดสอบความสามารถของฟังก์ชั่นสะท้อนแสงแฟลช AI
 

การทดสอบที่ 1: การเปลี่ยนทางยาวโฟกัสขณะใช้โหมด AI.B full-auto

แนวคิดสำคัญ
ในการถ่ายภาพโดยใช้แฟลชแบบเดิม มุมมองที่ครอบคลุม (มุมแฟลช/ระยะครอบคลุมของแสงแฟลช) ที่ดีที่สุดจะขึ้นอยู่กับทางยาวโฟกัส (มุมรับภาพ)
ยิ่งมุมแฟลชแคบลงเท่าใด แสงแฟลชยิ่งส่องไปถึงมากขึ้นเท่านั้น 
เมื่อเราถ่ายภาพมุมกว้าง ระยะครอบคลุมของแสงแฟลชต้องกว้างพอที่จะครอบคลุมมุมรับภาพทั้งหมด ขณะที่การถ่ายภาพเทเลโฟโต้ ระยะครอบคลุมของแสงแฟลชต้องส่องไปถึงตัวแบบได้

แนวคิดนี้ส่งผลต่อแฟลชสะท้อนและฟังก์ชั่น AI.B full-auto อย่างไรบ้าง ในการทดสอบที่ 1 เราถ่ายภาพโดยใช้ทางยาวโฟกัสต่างกันและสังเกตผลลัพธ์ที่ได้ 
 

สภาพการถ่าย

โหมด: โหมด AI.B full-auto

กำหนดค่าอะไรบ้าง:
- ตำแหน่งของตัวแบบ
- ระยะห่างระหว่างตัวแบบกับแบ็คกราวด์
- ระยะห่างจากกล้องถึงเพดาน
- การตั้งค่ากล้อง

เปลี่ยนอะไรบ้าง:
- ทางยาวโฟกัส (ภาพถ่าย 1 ภาพที่ระยะมุมกว้าง 24 มม. อีกหนึ่งภาพที่ระยะเทเลโฟโต้ 200 มม.)
- ตำแหน่งถ่ายภาพ เพื่อให้องค์ประกอบภาพสอดคล้องกันมากที่สุดเพื่อเปรียบเทียบได้ง่ายขึ้น
(หมายเหตุ: แม้ว่าตัวแบบยังคงมีขนาดเท่าเดิมทั้งสองภาพ ลักษณะเฉพาะของเลนส์มุมกว้างและ ลักษณะเฉพาะของเลนส์เทเลโฟโต้ทำให้มุมรับภาพที่ได้แตกต่างกัน ดังที่คุณเห็นจากแบ็คกราวด์)

 

ผลลัพธ์และคำอธิบาย

เพื่อให้องค์ประกอบภาพสอดคล้องกัน ผมจำเป็นต้องเปลี่ยนระยะห่างระหว่างกล้องกับตัวแบบ (นั่นคือ ตำแหน่งกล้อง) สำหรับทางยาวโฟกัสแต่ละระยะ ดังนั้น ระยะห่างระหว่างกล้องกับแบ็คกราวด์จึงเปลี่ยนไปด้วย อย่างไรก็ดี การทดสอบนี้ต่างจากการทดสอบที่ 3 ที่ระยะห่างระหว่างตัวแบบกับแบ็คกราวด์ยังคงเดิม 
นอกจากนี้ ยังเป็นที่น่าสังเกตว่าในโหมด AI.B full-auto มีการกำหนดมุมแฟลชไว้ที่ 50 มม. ฉากทั้งหมดจะสว่างได้ดีเพียงใดขึ้นอยู่กับว่าเราปรับเทียบมุมสะท้อนแฟลชได้ดีเพียงใดเท่านั้นเอง 

ตัวอย่างที่ใช้ทางยาวโฟกัส 24 มม. (มุมกว้าง):  ระยะห่างของตัวแบบ-แฟลชที่สั้นทำให้ตั้งค่ามุมสะท้อนแฟลชได้ง่าย ซึ่งแสงที่สะท้อนจากพื้นผิวจะสว่างจ้ามาก ภาพที่ได้จึงสว่างเกินไป
อย่างไรก็ดี AI.B full-auto ตั้งมุมของหัวแฟลชให้ยิงแสงแฟลชไปที่เพดานที่มุมด้านหลังช่างภาพ จึงดูเหมือนกระจายแสงได้มากพอที่จะมั่นใจได้ว่าปริมาณแสงที่เพียงพอจะไปถึงตัวแบบและแบ็คกราวด์
มีเงาบางส่วนทอดมาที่บริเวณด้านหน้าตัวแบบ เงาเหล่านี้เกิดจากมุมที่แสงสะท้อนจากเพดาน จึงทำให้ภาพดูมีมิติมากขึ้น

ตัวอย่างที่ใช้ทางยาวโฟกัส 200 มม. (เทเลโฟโต้):  แม้มีระยะห่าง 6 ม. ระหว่างแฟลชกับตัวแบบ มุมสะท้อนที่ AI.B ตั้งไว้จะช่วยทำให้แน่ใจว่าตัวแบบและแบ็คกราวด์มีแสงสว่างเพียงพอ และแสงมีความนุ่มนวลและสม่ำเสมอ 

 มุมสะท้อนที่ AI.B full-auto ตั้งไว้ส่งผลให้แสงบนตัวแบบและแบ็คกราวด์ในภาพทั้งสองภาพเป็นธรรมชาติและสม่ำเสมอ แม้ว่าภาพสุดท้ายจะดูแตกต่างไป แต่ก็เป็นภาพที่ดูเป็นธรรมชาติซึ่งเกิดจากแสงสะท้อนจากเพดานในมุมที่หลากหลาย เมื่อถ่ายภาพจากระยะใกล้ เช่น ในตัวอย่างที่ระยะ 24 มม. เพื่อให้ได้เอฟเฟ็กต์แบบเดียวกันกับตัวอย่างที่ระยะ 200 มม. คุณอาจต้องใช้อะแดปเตอร์สะท้อนแสงแฟลชเพื่อกระจายแสงเพิ่มเติม (ดูเคล็ดลับที่ 4 ใน 5 เคล็ดลับง่ายๆ สำหรับการถ่ายภาพด้วยแฟลชสะท้อน)

 

เลนส์ 24 มม., ระยะการถ่ายภาพ 0.9 ม.

ระยะการถ่ายภาพยิ่งสั้น เงายิ่งเด่นชัด

เงาที่ด้านหน้าดูเด่นชัดขึ้นเล็กน้อย ทำให้ตัวแบบดูมีมิติมากขึ้น

เลนส์ 200 มม., ระยะการถ่ายภาพ 6 ม.

ระยะการถ่ายภาพยิ่งกว้าง แสงยิ่งดูนุ่มนวลและสม่ำเสมอ

แสงส่องกระทบตัวแบบอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ได้เอฟเฟ็กต์ที่นุ่มนวลขึ้นเมื่อเทียบกับตัวอย่างที่ใช้เลนส์ 24 มม.

 
แผนภาพการจัดแสง (ระยะการถ่ายภาพสั้น)

A: การวางแนวหัวแฟลช
B: ระยะการถ่ายภาพ (0.9 ม.)

แผนภาพการจัดแสง (ระยะการถ่ายภาพยาว)

A: การวางแนวหัวแฟลช
B: ระยะการถ่ายภาพ (6 ม.)

 

การทดสอบที่ 2: เปลี่ยนเป็นการถ่ายภาพแนวตั้ง/แนวนอนขณะใช้งานโหมด AI.B semi-auto

แนวคิดสำคัญ

เราสามารถตั้งให้โหมด AI.B semi-auto จดจำมุมสะท้อนที่กำหนดไว้ล่วงหน้าได้ เมื่อคุณเปลี่ยนตำแหน่งกล้อง เช่น เปลี่ยนการวางแนว จำเป็นต้องเปลี่ยนการวางแนวหัวแฟลชด้วย เพื่อให้ได้มุมสะท้อนเช่นเดียวกับก่อนหน้านี้

การทดสอบที่ 2 มีเป้าหมายเพื่อตรวจสอบการตอบสนองของแฟลช Speedlite 470EX-AI ในโหมดนี้และผลลัพธ์ที่ได้รับ

สภาพการถ่าย

โหมด: โหมด AI.B semi-auto ซึ่งใช้มุมสะท้อนที่กำหนดไว้ล่วงหน้าเพื่อสะท้อนแสงจากผนัง

กำหนดค่าอะไรบ้าง:
- ระยะห่างระหว่างกล้องกับตัวแบบ
- ตำแหน่งของตัวแบบ

เปลี่ยนอะไรบ้าง:
การวางแนวกล้อง

รายละเอียดอื่นๆ:
สถานที่ถ่ายภาพคือสตูดิโอที่บ้าน ซึ่งมีแสงตามธรรมชาติส่องผ่านเข้ามาจากทั้งสองด้าน และมีการจัดวางตัวแบบให้รับแสงธรรมชาติจากทั้งสองด้าน

 

ผลลัพธ์และคำอธิบาย

ในการถ่ายภาพทั้งแนวตั้งและแนวนอน มุมจะถูกกำหนดโดยอัตโนมัติ การสะท้อนแสงแฟลชจากผนังจะกระจายแสงจากแฟลชและให้แสงที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น ทำให้ภาพถ่ายมีความสว่างที่เป็นธรรมชาติ เราจึงไม่พบความแตกต่างในด้านแสงระหว่างภาพสองภาพนี้มากนัก

เนื่องจากติดตั้งแฟลชเข้ากับตัวกล้อง ตำแหน่งของหัวแฟลชจึงเปลี่ยนไปเมื่อแนวการถือกล้องเปลี่ยนไป อย่างไรก็ดี ในแง่ของผลลัพธ์การถ่ายภาพ ความแตกต่างมีน้อยมาก

 

ถ่ายภาพในแนวนอน

ถ่ายภาพในแนวนอน กล้องวางในแนวนอน

A: การวางแนวแฟลช

 

ถ่ายภาพในแนวตั้ง

ถ่ายภาพในแนวตั้ง แนวตั้ง

A: การวางแนวหัวแฟลช

 

การทดสอบที่ 3: การเปลี่ยนระยะการถ่ายภาพและระยะห่างของแบ็คกราวด์ในโหมด AI.B full-auto

แนวคิดสำคัญ

ในโหมด AI.B full-auto จะมีการพิจารณาระยะห่างระหว่างแฟลชกับตัวแบบเมื่อแฟลชกำหนดมุมสะท้อนที่เหมาะสมที่สุด การทดสอบที่ 3 มีเป้าหมายเพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงานของฟังก์ชั่นเมื่อระยะห่างระหว่างตัวแบบ-แฟลชเปลี่ยนไป

สภาพการถ่าย

โหมด: โหมด AI.B full-auto

กำหนดค่าอะไรบ้าง:
- ตำแหน่งของกล้อง
- การตั้งค่ากล้อง
- ทางยาวโฟกัส

เปลี่ยนอะไรบ้าง:
- ระยะห่างระหว่างตัวแบบกับกล้อง
- ระยะห่างระหว่างตัวแบบกับแบ็คกราวด์

รายละเอียดอื่นๆ:
- ถ่ายภาพ 4 ภาพโดยให้ตัวแบบเคลื่อนที่เข้าหากล้อง

 

ผลลัพธ์และคำอธิบาย

แสงธรรมชาติจากด้านข้างทำให้ความสว่างของแบ็คกราวด์แตกต่างกัน อย่างไรก็ดี เราได้นำการตั้งค่าที่เหมาะสมที่สุดมาใช้กับระยะถ่ายภาพแต่ละระยะ และถ่ายภาพโดยใช้การกระจายแสงเพื่อเพิ่มความสว่างให้กับตัวแบบหลักอย่างสวยงาม

เนื่องจาก Speedlite ตั้งค่ากำลังแสงแฟลชและมุมสะท้อนตามระยะห่างจากตัวแบบ ดังนั้น ในแต่ละครั้งกำลังแสงและมุมสะท้อนที่ได้นั้นเพียงพอที่จะทำให้มั่นใจว่านางแบบได้รับแสงสว่างมากพอ ซึ่งหมายความว่าขณะที่นางแบบเคลื่อนเข้าใกล้กล้องมากขึ้นและอยู่ห่างจากแบ็คกราวด์มากขึ้น แบ็คกราวด์จะมืดขึ้นอย่างต่อเนื่องเนื่องจากได้รับแสงสว่างน้อยลง 

ภาพถ่ายเต็มตัว (ระยะการถ่ายภาพ: 6 ม., ระยะห่างจากแบ็คกราวด์: 0 ม.): แสงกระจายสม่ำเสมอ แบ็คกราวด์จึงได้รับแสงสว่างทั้งหมด ทำให้ภาพที่ได้ดูสว่างทั่วทั้งภาพ 
ภาพถ่าย 3/4 (ระยะการถ่ายภาพ: 3.5 ม., ระยะห่างจากแบ็คกราวด์: 2 ม.): แบ็คกราวด์มืดขึ้นเล็กน้อย ทำให้ภาพมีความลึก  
ภาพลำตัวช่วงบน (ระยะการถ่ายภาพ 2 ม., ระยะห่างจากแบ็คกราวด์ 3.5 ม.): แบ็คกราวด์ที่เบลอดูมืดยิ่งขึ้น ทำให้ตัวแบบเด่นสะดุดตา AI.B full-auto กำหนดการวางแนวหัวแฟลชให้ยิงแสงไปที่ด้านหลังช่างภาพ 
ภาพระดับอกขึ้นไป (ระยะการถ่ายภาพ 1 ม., ระยะห่างจากแบ็คกราวด์ 4.5 ม.): เหมือนกับภาพลำตัวช่วงบน 

เช่นเดียวกับการทดสอบที่ 1 ณ จุดใดจุดหนึ่งโหมด AI.B full-auto จะเริ่มปรับมุมของหัวแฟลชเพื่อให้แฟลชสะท้อนแสงจากจุดหนึ่งบนเพดานด้านหลังช่างภาพ จึงทำให้แสงเดินทางเป็นระยะทางที่ไกลขึ้นทั้งก่อนและหลังการสะท้อน จึงมั่นใจได้ว่าแสงจะกระจายมากพอเมื่อไปถึงตัวแบบ

 
ในแต่ละภาพ สีสันที่ออกมาสวยงามมากขึ้นและโทนสีผิวดูน่าสนใจมากขึ้นกว่าตอนที่ใช้เฉพาะแสงตามธรรมชาติเท่านั้น แสงแฟลชและแสงธรรมชาติทำงานเข้ากันได้เป็นอย่างดี คุณจึงใช้ประโยชน์จากแสงทั้งสองแบบนี้ได้ในฉากหลากหลายประเภท

 

ระยะการถ่ายภาพ: 6 ม.

ระยะการถ่ายภาพ 6 ม.
การจัดแสงสำหรับระยะการถ่ายภาพ 6 ม.

A: การวางแนวหัวแฟลช
B: ระยะการถ่ายภาพ (6 ม.)

 

ระยะการถ่ายภาพ 3.5 ม., ระยะห่างจากแบ็คกราวด์ 2 ม.

ระยะการถ่ายภาพ 3.5 ม.
การจัดแสงสำหรับระยะการถ่ายภาพ 3.5 ม.

A: การวางแนวหัวแฟลช
B: ระยะการถ่ายภาพ (3.5 ม.)
C: ระยะการถ่ายภาพ (2 ม.)

 

ระยะการถ่ายภาพ 2 ม., ระยะห่างจากแบ็คกราวด์ 3.5 ม.

ระยะการถ่ายภาพ 2 ม.
การจัดแสงสำหรับระยะการถ่ายภาพ 2 ม.

A: การวางแนวหัวแฟลช
B: ระยะการถ่ายภาพ (2 ม.)
C: ระยะการถ่ายภาพ (3.5 ม.)

 

ระยะการถ่ายภาพ 1 ม., ระยะห่างจากแบ็คกราวด์ 4.5 ม.

ระยะการถ่ายภาพ 1 ม.
การจัดแสงสำหรับระยะการถ่ายภาพ 1 ม.

A: การวางแนวหัวแฟลช
B: ระยะการถ่ายภาพ (1 ม.)
C: ระยะการถ่ายภาพ (4.5 ม.)

 

เทคนิคการถ่ายภาพ

1. โหมด AI.B full-auto: ใช้การยิงแฟลชสะท้อนเพดานเพื่อสร้างแสงเสริมที่คล้ายกับแสงจากรีเฟลกเตอร์

ตัวอย่างภาพที่ใช้โหมด AI.B full-auto (แสงเสริมจากการยิงแฟลชสะท้อนเพดาน)

EOS 5D Mark IV/ EF85mm f/1.8 USM/ Manual exposure/ WB: อัตโนมัติ

โหมดการใช้งานแฟลช: E-TTL/ ชดเชยระดับแสงแฟลช: EV-0.7/ มุมแฟลช: 85 มม.
ทางยาวโฟกัส: 85 มม./ ความเร็วชัตเตอร์: 1/400 วินาที/ รูรับแสง: f/1.8/ ความไวแสง ISO: 100

 

ผมใช้ประโยชน์จากแสงสวยๆ ซึ่งส่องลงบนโซฟา เพื่อเก็บภาพบรรยากาศที่นุ่มนวลและเยือกเย็นของนางแบบที่กำลังนั่งพักผ่อนอยู่ข้างหน้าต่าง หากผมใช้แสงตามธรรมชาติเพียงอย่างเดียว ใบหน้าของนางแบบอาจดูคล้ำอันเนื่องมาจากแสงย้อน แม้ผมจะสามารถปรับการรับแสงเพื่อให้ใบหน้าดูสว่าง แต่ก็อาจสูญเสียบรรยากาศเฉพาะตัวที่เกิดจากแสงธรรมชาติที่นุ่มนวลจากหน้าต่างไป

วิธีแก้ไขที่ดีที่สุดคือเก็บความเปรียบต่างโดยรวมไว้ ควบคู่ไปกับการทำให้ใบหน้าของนางแบบดูสว่างในลักษณะที่ดูเป็นธรรมชาติ ซึ่งทำได้โดยตั้งค่าการชดเชยระดับแสงแฟลช E-TTL ไปที่ EV -0.7 ในโหมด AI.B full-auto และใช้การยิงแฟลชสะท้อนเพดานเพื่อสร้างแสงเสริมที่นุ่มนวล

เมื่อใช้ซิงค์ความเร็วสูงพร้อมกับความเร็วชัตเตอร์อย่างน้อย 1/200 วินาที ผมสามารถถ่ายภาพโดยใช้รูรับแสงกว้างสุดได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนระยะชัดลึก วิธีนี้ทำให้ผมสามารถปรับความสว่างของตัวแบบโดยใช้ทั้งแสงและแสงแฟลช ซึ่งทำให้เงาดูนุ่มนวลอ่อนโยนยิ่งขึ้นได้ ผมใช้รีเฟลกเตอร์ในการจัดแสงเพียงเพื่อสร้างประกายตาเท่านั้น เนื่องจากมุมของแสงที่สะท้อนจากดวงตาไม่เหมาะสำหรับเพิ่มความสว่างให้กับใบหน้าของตัวแบบ

 

ไม่ใช้ Speedlite

ไม่ใช้ Speedlite

ไม่มีแสงเสริม ใบหน้าของตัวแบบจึงดูคล้ำ

 

การจัดแสง

ตัวอย่างการจัดแสงสำหรับโหมด AI.B full-auto

แสงสวยๆ ที่ส่องผ่านหน้าต่าง แผ่นรีเฟลกเตอร์ถูกวางไว้ด้านล่างเพื่อสร้างประกายตา

1: ทิศทางของแสงแดด
2: การยิงแฟลชสะท้อนเพดาน
3: กระทบบนแผ่นรีเฟลกเตอร์สีขาว (สร้างประกายตา แสงไม่พอสำหรับเพิ่มความสว่างให้ใบหน้า)

 

ขั้นตอนการถ่ายภาพ

ขั้นตอนการถ่ายภาพในโหมด AI.B full-auto 1

1: สำหรับโหมดแฟลช ให้เลือก "E-TTL" และตั้งค่าการชดเชยระดับแสงแฟลชเป็น "-0.7EV" สิ่งสำคัญคือตั้งค่าแฟลชอ่อนๆ เพื่อสร้างบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติ

 

ขั้นตอนการถ่ายภาพในโหมด AI.B full-auto 2

2: เลื่อนสวิตช์เปลี่ยนโหมด AI.B ไปที่ "F" กดปุ่มชัตเตอร์ลงครึ่งหนึ่งเพื่อให้มุมสะท้อนแสงแฟลชกลับไปที่ 0° โดยอัตโนมัติ

 

ขั้นตอนการถ่ายภาพในโหมด AI.B full-auto 3

3: หลังจากกำหนดองค์ประกอบภาพและมุมถ่ายภาพแล้ว กดปุ่ม AI.B วิธีนี้จะวัดระยะห่างถึงตัวแบบและระยะห่างถึงเพดานสำหรับการสะท้อนแสงแฟลช จากนั้น กล้องจะยิงแสงแฟลชครั้งแรก

หากคุณเปลี่ยนตำแหน่งของกล้อง ให้กดปุ่มชัตเตอร์ลงครึ่งหนึ่งสองครั้งติดต่อกัน เพื่อขยับหัวแฟลชและแก้ไขมุมสะท้อนโดยอัตโนมัติให้เหมือนก่อนที่จะเคลื่อนกล้อง


คุณอาจสนใจเคล็ดลับและบทช่วยสอนเกี่ยวกับการถ่ายภาพพอร์ตเทรตในร่มต่อไปนี้เช่นกัน
คำแนะนำแบบทีละขั้นตอน: วิธีถ่ายภาพพอร์ตเทรตที่น่าประทับใจโดยใช้แสงย้อนจากหน้าต่าง
เทคนิคเกี่ยวกับการตั้งค่าตามขนาดรูรับแสง #4: การถ่ายภาพใบหน้า

 

2. โหมด AI.B semi-auto: ใช้การยิงแฟลชสะท้อนผนังเพื่อสร้างแสงเสริมจากด้านข้าง

ตัวอย่างการใช้โหมด AI.B semi-auto (แสงเสริมจากด้านข้างจากการยิงแฟลชสะท้อนแฟลชผนัง)

EOS 5D Mark IV/ EF24-70mm f/2.8L II USM/ Manual exposure/ WB: อัตโนมัติ

โหมดการใช้งานแฟลช: E-TTL/ ชดเชยระดับแสงแฟลช: EV±0/ มุมแฟลช: 80 มม.
ทางยาวโฟกัส: 70 มม./ ความเร็วชัตเตอร์: 1/80 วินาที/ รูรับแสง: f/2.8/ ความไวแสง ISO: 100

 

ภาพนี้ใช้แสงตามธรรมชาติที่ผ่านเข้ามาจากแบ็คกราวด์เพื่อทำให้ผมของนางแบบดูเงางาม แต่การใช้แสงนี้เพียงอย่างเดียวอาจทำให้เกิดเงาที่ใบหน้า นอกจากนี้ ลักษณะของเงาที่เกิดขึ้นยังทำให้สีสันของกระโปรงดูมืดทึมมากขึ้น

ผมจึงใช้โหมด AI.B semi-auto เพื่อสร้างแสงเสริมที่ช่วยเพิ่มปริมาณแสงให้กับแสงธรรมชาติ โดยการวางแผ่นรีเฟลกเตอร์ขนาดใหญ่ไว้บนผนังและสะท้อนแสงออกมา เมื่อแสงกระจายออก แสงจะสะท้อนลงบนด้านหน้าตัวแบบพอดี เป็นการปรับส่วนของเงา (ทำให้สว่าง) และทำให้โทนสีในภาพดูเจิดจ้ามากขึ้น

เมื่อใช้โหมด AI.B semi-auto คุณสามารถตั้งค่า Speedlite ให้จัดเก็บมุมสะท้อนแสงแฟลชที่คุณเคยกำหนดไว้ก่อนหน้านี้ได้ เมื่อตั้งค่าเรียบร้อยแล้ว แม้คุณจะเปลี่ยนแนวการถือกล้อง แต่การวางแนวหัวแฟลชจะปรับและแก้ไขโดยอัตโนมัติเพื่อให้ได้มุมสะท้อนที่จดจำไว้ จึงช่วยให้คุณถ่ายภาพได้อย่างลื่นไหลและมีประสิทธิภาพ พร้อมกับใช้มุมสะท้อนแสงแฟลชที่เหมาะสมที่สุดได้โดยไม่พลาดทุกจังหวะสำคัญ ไม่ว่าคุณจะถือกล้องในแนวใดก็ตาม

 

ไม่ใช้ Speedlite

ไม่ใช้ Speedlite

หากใช้เฉพาะแสงตามธรรมชาติจะเกิดเงาบนใบหน้าและส่วนกระโปรงของตัวแบบอย่างเด่นชัด

 

การจัดแสง

วางแผ่นรีเฟลกเตอร์ขนาดใหญ่บนผนังทางซ้ายเพื่อให้แสงสะท้อนจากแผ่นและเพิ่มความสว่างให้แก่นางแบบ ซึ่งยืนห่างออกไปประมาณ 2 เมตร

ตัวอย่างการจัดแสงสำหรับโหมด AI.B semi-auto

สะท้อนแฟลชจากผนังโดยการหันหัวแฟลชไปที่แผ่นรีเฟลกเตอร์สีขาว

 

ขั้นตอนการถ่ายภาพ

ขั้นตอนในโหมด AI.B semi-auto 1

1: ในโหมดแฟลช เลือก "E-TTL" ทดสอบถ่ายภาพโดยไม่ใช้การชดเชยระดับแสงแฟลชในครั้งแรก จากนั้นปรับการชดเชยระดับแสงตามที่จำเป็นเพื่อให้ความสว่างตามที่ต้องการ

 

ขั้นตอนในโหมด AI.B semi-auto 2

2: เลื่อนสวิตช์เปลี่ยนโหมด AI.B ไปที่ "S" กดปุ่มชัตเตอร์ลงครึ่งหนึ่งเพื่อตั้งค่ามุมสะท้อนแสงแฟลชไปที่ตำแหน่ง 0° โดยอัตโนมัติ

 

ขั้นตอนในโหมด AI.B semi-auto 3

3: เมื่อคุณกำหนดมุมสะท้อนแสงแฟลชแล้ว กดปุ่ม ANGLE SET เพื่อบันทึก (จัดเก็บ) มุมสะท้อนแสง

หากคุณเปลี่ยนแนวของกล้องและต้องการจดจำมุมสะท้อนแฟลชที่เคยใช้ ให้กดปุ่ม AI.B จากนั้นกดปุ่มชัตเตอร์ลงครึ่งหนึ่งสองครั้งติดต่อกัน หัวของแฟลชจะเคลื่อนที่และรีเซ็ตเพื่อจัดเก็บมุมสะท้อนแสงไว้

 

กำลังคิดจะซื้อ Speedlite 470EX-AI ใช่หรือไม่ บทความเหล่านี้อาจช่วยคุณตัดสินใจได้:
การเลือกแฟลชเสริม (1): กำลังแสงแฟลช
การเลือกแฟลชเสริม (2): แฟลชสามารถทำอะไรได้อีกบ้าง

อ่านเคล็ดลับและบทช่วยสอนเกี่ยวกับการถ่ายภาพด้วยแฟลชเสริมเพิ่มเติมได้ที่:
จุดโฟกัส: พื้นฐานสำหรับการถ่ายภาพด้วยแฟลชเสริม

คุณต้องมีอุปกรณ์ใดอีกบ้างในการถ่ายภาพพอร์ตเทรตในร่ม โปรดดูเลนส์ต่อไปนี้ที่ช่างภาพพอร์ตเทรตชื่นชอบ
รีวิว EF85mm f/1.4L IS USM: เลนส์พอร์ตเทรตอันยอดเยี่ยมสำหรับการถือกล้องถ่ายภาพ
ทำไม EF85mm f/1.8 USM จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการถ่ายภาพพอร์ตเทรต

 


รับข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับการถ่ายภาพ รวมถึงเคล็ดลับและกลเม็ดต่างๆ

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนชาว SNAPSHOT

ลงทะเบียนตอนนี้!

 

เกี่ยวกับผู้เขียน

Digital Camera Magazine

นิตยสารรายเดือนที่เชื่อว่าความสุขของการถ่ายภาพจะยิ่งเพิ่มขึ้น เมื่อผู้ถ่ายภาพได้เรียนรู้เกี่ยวกับฟังก์ชั่นต่างๆ ของกล้องมากยิ่งขึ้น นิตยสารเล่มนี้เผยแพร่ข่าวสารเกี่ยวกับกล้องรุ่นใหม่ๆ รวมถึงคุณสมบัติของกล้องและนำเสนอเทคนิคการถ่ายภาพอย่างหลากหลาย
จัดพิมพ์โดย Impress Corporation

Seigi Takakuwa

Seigi Takakuwa เริ่มงานแรกกับสำนักพิมพ์แห่งหนึ่งในฐานะผู้ช่วยช่างภาพก่อนจะแยกตัวออกมาเป็นช่างภาพอิสระ ปัจจุบันเขาถ่ายภาพสำหรับโฆษณา นิตยสาร และแค็ตตาล็อกในแวดวงความงามและแฟชั่นเป็นหลัก เขามีชื่อเสียงเลื่องลือในวงการในเรื่องขั้นตอนการทำงานทั้งหมดอย่างมีคุณภาพ ตั้งแต่การถ่ายภาพไปจนถึงการรีทัช และได้รับรางวัลมากมายโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสาขาภาพถ่ายความงาม ในปี 2012 และ 2013 เขาได้รับรางวัลชมเชยสาขาโฆษณาระดับมืออาชีพ: ความงาม จากเวทีรางวัล International Photography Awards อันทรงเกียรติ

เว็บไซต์: https://www.seigi-photograph.com/

แบ่งปันภาพถ่ายของคุณใน My Canon Story แล้วร่วมลุ้นโอกาสเผยแพร่ผลงานบนโซเชียลมีเดียของเรา