RF100mm f/2.8L Macro IS USM: เลนส์มาโคร 1.4 เท่าที่สามารถปรับลักษณะของโบเก้ได้
เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2021 Canon ได้เปิดตัว RF100mm f/2.8L Macro IS USM ซึ่งเป็นเลนส์มาโครแท้ๆ รุ่นแรกสำหรับเมาท์ RF การออกแบบเลนส์อาศัยความยืดหยุ่นจากเส้นผ่านศูนย์กลางเมาท์ขนาดใหญ่และระยะแบ็คโฟกัสที่สั้นของเมาท์ RF เพื่อความเป็นไปได้ใหม่ๆ เช่น กำลังขยายสูงสุด 1.4 เท่า และวงแหวนควบคุมความคลาดทรงกลม (SA) ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้เอฟเฟ็กต์ซอฟต์โฟกัสได้ อ่านต่อเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเลนส์มาโครเทเลโฟโต้ระยะกลางรุ่นเส้นแดง (ซีรีย์ L) ใหม่นี้ ซึ่งให้ทั้งคุณภาพของภาพที่ยอดเยี่ยมและประสิทธิภาพการทำงานที่สูงอย่างไม่เคยมีมาก่อน
คุณสมบัติที่สำคัญของเลนส์
- - ระยะโฟกัสใกล้สุดที่กำลังขยาย 1.4 เท่า
- - ระบบโฟกัสอิเล็กทรอนิกส์แบบชิ้นเลนส์ลอยตัว: ช่วยลดปัญหาความยาวโฟกัสเปลี่ยนตามระยะถ่ายภาพและอื่นๆ!
- - วงแหวนควบคุม SA: ปรับลักษณะของโบเก้ที่มองเห็นได้
- - IS แบบไฮบริด: ระบบป้องกันภาพสั่นไหวประสิทธิภาพสูงขึ้นเพื่อการถ่ายภาพแบบมาโคร
- - โครงสร้างและคุณภาพของภาพในแบบฉบับเลนส์ซีรีย์ L
- - ใช้ได้กับตัวยึดแบบวงแหวนรุ่นใหม่เพื่อความมั่นคงที่มากยิ่งขึ้น
- - ข้อมูลจำเพาะที่สำคัญ
- - ภาพตัวอย่าง
เลนส์รุ่นแรกของโลกในกลุ่มเลนส์ระดับเดียวกัน* ที่ให้กำลังขยาย 1.4 เท่า
RF100mm f/2.8L Macro IS USM เป็นเลนส์มาโครเทเลโฟโต้ระยะกลาง 100 มม. เลนส์มาโครในกลุ่มนี้มักจะมีกำลังขยายสูงสุดที่ 1 เท่า (ขนาดจริง) ซึ่งหมายความว่า ตัวแบบที่มีความยาว 1 ซม. จะมีขนาด 1 ซม. เมื่อแสดงบนเซนเซอร์ภาพ
ในการถ่ายภาพตัวแบบระยะใกล้เพื่อให้กินพื้นที่ในเฟรมมากขึ้น สิ่งแรกที่คุณจะทำคือขยับเข้าไปใกล้ตัวแบบให้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม เลนส์ทุกรุ่นจะมีระยะโฟกัสใกล้สุด ซึ่งหมายถึงขีดจำกัดว่าคุณสามารถเข้าใกล้ได้เพียงใดก่อนที่เลนส์จะไม่สามารถโฟกัสได้ สำหรับเลนส์ RF100mm f/2.8L Macro IS USM ระยะโฟกัสใกล้สุดที่ว่านี้คือ 26 ซม. ซึ่งใกล้กว่าระยะ 30 ซม. ของเลนส์ EF100mm f/2.8L Macro IS USM จึงทำให้ได้กำลังขยายสูงสุดที่มากกว่าถึง 1.4 เท่า ซึ่งใหญ่กว่าขนาดจริง แม้จะใช้ทางยาวโฟกัสเท่าเดิม
สำหรับเลนส์ RF100mm f/2.8L Macro IS USM คุณสามารถใช้กำลังขยายเท่าขนาดจริง 1.0 เท่าได้จากระยะโฟกัส 28 ซม. และเมื่อขยับให้เข้าใกล้ระยะโฟกัสใกล้สุด 26 ซม. ขึ้นอีกเพียง 2 ซม. คุณก็จะได้กำลังขยาย 1.4 เท่า ระยะการทำงานสำหรับอัตราส่วนของกำลังขยายทั้งสองแบบคือ 11.2 ซม. และ 9.2 ซม. ตามลำดับ ซึ่งจะเหลือพื้นที่ระหว่างตัวแบบมากพอที่จะได้รับแสงอย่างเพียงพอ
1.0 เท่า
1.4 เท่า
Canon สร้างเลนส์มาโคร 100 มม. ที่มีกำลังขยายสูงสุด 1.4 เท่าเป็นรุ่นแรกของโลก* ได้อย่างไร คำตอบอยู่ที่คุณสมบัติของเมาท์ RF ซึ่งได้แก่ เส้นผ่านศูนย์กลางเมาท์ขนาดใหญ่และระยะแบ็คโฟกัสที่สั้น ซึ่งให้ความยืดหยุ่นที่มากขึ้นในการออกแบบออพติคอล การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับการออกแบบและกลไกการขับเคลื่อน AF ของโฟกัสและกลุ่มชิ้นเลนส์แบบลอยตัวทำให้สามารถทำการโฟกัสได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำจากระยะที่ใกล้ขึ้น
* จากกลุ่มเลนส์แบบถอดเปลี่ยนได้ที่มี AF ทั้งหมดสำหรับกล้องมิเรอร์เลสแบบฟูลเฟรม ข้อมูล ณ วันที่ 13 เมษายน 2021 จากผลการสำรวจของ Canon
ระบบควบคุมโฟกัสอิเล็กทรอนิกส์แบบชิ้นเลนส์ลอยตัว: ให้มากกว่า AF ที่รวดเร็วและแม่นยำ
ในเลนส์ RF100mm f/2.8L Macro IS USM โฟกัสอัตโนมัติ (AF) จะถูกขับเคลื่อนโดย Nano USM สองชิ้นที่เป็นอิสระจากกันซึ่งทำให้สามารถใช้ระบบควบคุมโฟกัสอิเล็กทรอนิกส์แบบชิ้นเลนส์ลอยตัวได้โดยที่กลุ่มชิ้นเลนส์โฟกัสและกลุ่มชิ้นเลนส์ลอยตัวถูกควบคุมแยกกัน คุณสมบัตินี้ทำให้ RF100mm f/2.8L Macro IS USM ผสมผสานประสิทธิภาพในการทำงานต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นได้อย่างสมดุล ไม่ว่าจะเป็นระยะโฟกัสใกล้สุดที่สั้นลง การควบคุมความคลาดทรงกลม รวมทั้งคุณภาพของการทำงานหลักๆ เช่น AF ที่รวดเร็วและมีความแม่นยำสูง และระบบโฟกัสอิเล็กทรอนิกส์แบบชิ้นเลนส์ลอยตัวยังช่วยลดปัญหาความยาวโฟกัสเปลี่ยนตามระยะถ่ายภาพด้วย ซึ่งทำให้มุมรับภาพเปลี่ยนแปลงไปในขณะโฟกัส
Nano USM (มอเตอร์อัลตร้าโซนิค) มีลักษณะพิเศษคือความสามารถในการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วและแม่นยำ ซึ่งเป็นคุณสมบัติเฉพาะของมอเตอร์อัลตร้าโซนิคในแนวเส้นตรง ทำให้ไม่เพียงแต่สามารถจับโฟกัสที่ตัวแบบได้อย่างรวดเร็วเมื่อถ่ายภาพนิ่งเท่านั้น แต่ยังติดตามตัวแบบได้อย่างราบรื่นในขณะถ่ายวิดีโอด้วย จึงทำให้ผู้ชมไม่รู้สึกหงุดหงิดเวลาดูวิดีโอ และประสิทธิภาพ AF ของ RF100mm f/2.8L Macro IS USM ยังเหมาะสำหรับใช้เป็นเลนส์สำหรับถ่ายวิดีโอที่ดีเยี่ยมอีกด้วย
ข้อควรรู้: ระบบโฟกัสอิเล็กทรอนิกส์แบบชิ้นเลนส์ลอยตัวคืออะไร
ความสามารถในการแสดงภาพของเลนส์มักจะไม่เท่ากันที่ระยะการถ่ายภาพต่างๆ แม้แต่กับเลนส์เดี่ยวที่ขึ้นชื่อว่าให้ความคมชัดเป็นพิเศษ ในขั้นตอนการออกแบบ วิศวกรจะกำหนดระยะการถ่ายภาพที่ใช้เป็นเกณฑ์ก่อน จากนั้นจึงแก้ไขความคลาดของเลนส์เพื่อให้ได้คุณภาพของภาพสูงสุด ณ "จุดที่พอดีที่สุด" ซึ่งส่งผลให้คุณสมบัติในการแก้ไขลดลงเมื่อถ่ายภาพนอกระยะที่พอดี
วิธีหนึ่งในการแก้ปัญหานี้คือนำระบบชิ้นเลนส์ลอยตัวมาใช้ ซึ่งจะขับเคลื่อนกลุ่มชิ้นเลนส์ที่ไม่ใช่เลนส์ในกลุ่มโฟกัสในระหว่างการปรับโฟกัส ระบบเช่นนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการแก้ไขความคลาดของเลนส์และความสามารถในการถ่ายภาพระยะใกล้
เลนส์ EF100mm f/2.8L Macro IS USM มีระบบกลไกที่ใช้เฟืองลูกเบี้ยวทรงท่อซึ่งให้การเคลื่อนไหวเพียงแค่ทางเดียว แต่ Nano USM ในเลนส์ RF100mm f/2.8L Macro IS USM ซึ่งถูกขับเคลื่อนโดยไมโครโปรเซสเซอร์สมรรถนะสูงสามารถเคลื่อนตัวได้ในหลายทิศทาง คุณสมบัตินี้เมื่อรวมกับการออกแบบเมาท์ RF ที่มีพื้นที่มากขึ้นสำหรับการเคลื่อนที่ของกลุ่มชิ้นเลนส์ลอยตัว ทำให้ความสามารถในการทำงานและประสิทธิภาพของเลนส์ RF100mm f/2.8L Macro IS USM เพิ่มขึ้นอย่างมาก
วงแหวนควบคุม SA: ถ่ายภาพด้วยซอฟต์โฟกัสได้เมื่อคุณต้องการ
คุณสมบัติอันเป็นเอกลักษณ์ของเลนส์ RF100mm f/2.8L Macro IS USM คือวงแหวนควบคุม SA (ความคลาดทรงกลม) ซึ่งใช้ประโยชน์จากระบบโฟกัสอิเล็กทรอนิกส์แบบชิ้นเลนส์ลอยตัวเพื่อให้ผู้ใช้สามารถควบคุมระดับการแก้ไขความคลาดทรงกลมได้
เรามักจะเชื่อกันว่าความคลาดทรงกลมทำให้คุณภาพของภาพด้อยลง แต่ความจริงแล้วยังส่งผลต่อการแสดงโบเก้ (ฉบับภาษาอังกฤษ) หรือที่เรียกว่า “ลักษณะ” ของโบเก้ด้วย ยกตัวอย่างเช่น "โบเก้แบบฟองสบู่" จากเลนส์วินเทจที่มีลักษณะเฉพาะคือเส้นขอบที่เห็นได้ชัดเจนซึ่งบางคนมองว่าสวยงามนั้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการแก้ไขความคลาดทรงกลมที่ไม่เพียงพอเนื่องมาจากข้อจำกัดทางด้านเทคโนโลยีในอดีต ยิ่งแก้ไขความคลาดทรงกลมได้มากเท่าใด ก็จะสามารถแสดงโบเก้ออกมาได้นุ่มนวลมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งทำให้เกิดเป็นเอฟเฟ็กต์ซอฟต์โฟกัสในที่สุด
สำหรับเลนส์ RF100mm f/2.8L Macro IS USM การนำ Nano USM มาใช้ทำให้สามารถควบคุมกลุ่มชิ้นเลนส์ลอยตัวได้อย่างเป็นอิสระแยกจากกลุ่มชิ้นเลนส์โฟกัส จึงทำให้สามารถควบคุมระดับการแก้ไขความคลาดทรงกลมได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนโดยไม่ส่งผลกระทบต่อตำแหน่งโฟกัส เมื่อหมุนวงแหวนควบคุม SA ผู้ใช้จะสามารถเปลี่ยนลักษณะของโบเก้ที่อยู่ด้านหน้าและหลังระนาบภาพได้ ไม่ว่าจะเป็นโบเก้ที่ชัดเจนสไตล์วินเทจ หรือโบเก้ที่นุ่มละมุน จึงให้การถ่ายทอดภาพที่มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น
วงแหวนควบคุม SA
เมื่อหมุนวงแหวนควบคุม SA ไปยัง ‘+’ หรือ ‘-’ จะเป็นการขยับกลุ่มชิ้นเลนส์ลอยตัว คุณจึงสามารถสร้างความคลาดทรงกลมได้ตามต้องการ
การควบคุม SA ระดับ 0
นี่คือลักษณะมาตรฐาน ซึ่งมีความคลาดทรงกลมที่ลดลงทั่วทั้งภาพ
การควบคุม SA ระดับ -4
เมื่อหมุนวงแหวนควบคุม SA ไปยัง ‘-’ จะทำให้เส้นขอบของโบเก้ที่อยู่หลังระนาบภาพนุ่มนวลขึ้นและทำให้เส้นขอบของโบเก้ที่อยู่หน้าระนาบภาพชัดเจนขึ้น
การควบคุม SA ระดับ +4
เมื่อหมุนวงแหวนควบคุม SA ไปยัง ‘+’ จะทำให้เส้นขอบของโบเก้ที่อยู่หลังระนาบภาพชัดเจนขึ้นและทำให้เส้นขอบของโบเก้ที่อยู่หน้าระนาบภาพนุ่มนวลขึ้น
*เอฟเฟ็กต์ของวงแหวนควบคุม SA (ระดับความผันแปรของความคลาดทรงกลม) จะเปลี่ยนไปตามระยะการถ่ายภาพ เมื่อระยะการถ่ายภาพลดลงจากช่วงการโฟกัสที่ระยะอนันต์จนเลนส์สามารถใช้กำลังขยายเท่าขนาดจริง (1 เท่า) ได้ ระดับของการผันแปรจะเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม เนื่องจากปัจจัยทางด้านโครงสร้าง ความคลาดทรงกลมจะไม่เปลี่ยนไปที่ระยะโฟกัสใกล้สุด 0.26 ม.
EOS R5/ RF100mm f/2.8L Macro IS USM/ FL: 100 มม./ Aperture-priority AE (f/2.8, 1/3200 วินาที)/ ISO 800/ WB: แสงแดด/ ควบคุม SA
การใช้วงแหวนควบคุม SA เพื่อสร้างเอฟเฟ็กต์ซอฟต์โฟกัสจะทำให้ภาพของคุณดูมีเอกลักษณ์ แม้จะเป็นการถ่ายภาพนิ่ง ภาพดอกไม้ หรือภาพพอร์ตเทรต
IS แบบไฮบริดเพื่อภาพมาโครที่นิ่งขึ้นด้วยระบบป้องกันภาพสั่นไหวสูงสุด 8 สต็อป
เมื่อตัวแบบอยู่ไกลเกินกว่าระยะหนึ่ง มักจะมีโอกาสเกิดการสั่นของกล้องแบบมุมองศา (ตามการหมุน) ได้มากกว่า IS (ระบบป้องกันภาพสั่นไหว) ทั่วไปได้รับการออกแบบมาเพื่อชดเชยการสั่นของกล้องในลักษณะนี้ อย่างไรก็ตาม ระหว่างการถ่ายภาพระยะใกล้ การสั่นของกล้องแบบมุมองศาจะมีโอกาสเกิดได้น้อยกว่า แต่การสั่นของกล้องแบบแนวดิ่ง ซึ่งเกิดเมื่อระนาบเซนเซอร์เคลื่อนที่ในแนวขนานกับตัวแบบ จะเห็นได้ชัดเจนกว่า เลนส์ RF100mm f/2.8L Macro IS USM มี IS แบบไฮบริด (ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบไฮบริด) ซึ่งสามารถชดเชยได้ทั้งการสั่นของกล้องแบบมุมองศาและแบบแนวดิ่ง IS แบบไฮบริดสามารถให้ประสิทธิภาพการป้องกันภาพสั่นไหวเทียบเท่าความเร็วชัตเตอร์สูงสุด 2 สต็อปขณะถ่ายภาพระยะใกล้ด้วยกำลังขยายเท่าขนาดจริง
เมื่อถ่ายภาพจากระยะการถ่ายภาพตามปกติ IS แบบออพติคอลภายในเลนส์จะให้ประสิทธิภาพในการป้องกันภาพสั่นไหวเทียบเท่าความเร็วชัตเตอร์สูงสุด 5 สต็อป เมื่อติดตั้งเลนส์เข้ากับกล้องที่มี IS ในตัวกล้อง เช่น EOS R5 หรือ EOS R6 นั้น IS แบบประสานการควบคุมจะทำงาน โดยแก้ไขการสั่นของกล้องได้เทียบเท่าความเร็วชัตเตอร์สูงสุด 8 สต็อป
|
|
|
(IS แบบออพติคอล + ในตัวกล้อง) |
|
|
*ตามมาตรฐาน CIPA, ในทิศทางแกนยก/แกนหัน
ลองและทดสอบการใช้งานแล้ว: ภาพทิวทัศน์เมืองยามค่ำคืนถ่ายโดยถือกล้องด้วยมือ
ภาพทิวทัศน์เมืองในยามค่ำคืนด้านล่างถ่ายโดยถือกล้องด้วยมือด้วยความเร็วชัตเตอร์ 1 วินาทีเพื่อทดสอบประสิทธิภาพของ IS
ปิด IS/ ความเร็วชัตเตอร์: 1 วินาที
เมื่อปิด IS ทุกภาพมีปัญหากล้องสั่น
EOS R (IS แบบออพติคอลสูงสุด 5 สต็อป)/ เปิด IS/ ความเร็วชัตเตอร์: 1 วินาที
เมื่อใช้กล้อง EOS R และ IS แบบออพติคอล จะสามารถลดการสั่นของกล้องได้อย่างมีประสิทธิภาพทั่วทั้งภาพ อย่างไรก็ตาม เมื่อเราซูมเข้าไป จะเห็นว่าความคมชัดลดลงเนื่องจากการสั่นของกล้อง
EOS R5 (IS แบบประสานการควบคุมสูงสุด 8 สต็อป)/ เปิด IS/ ความเร็วชัตเตอร์: 1 วินาที
เมื่อใช้ EOS R5 และ IS แบบประสานการควบคุม ภาพจะยังคงความคมชัดเมื่อเราซูมเข้าและดูราวกับถ่ายโดยใช้ขาตั้งกล้อง!
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับประเภทของภาพที่สามารถถ่ายได้ด้วย IS ในตัวกล้องได้ที่นี่
คุณภาพของภาพและความทนทานที่ยอดเยี่ยมตามแบบฉบับเลนส์ในซีรีย์ L
EF100mm f/2.8L Macro IS USM เป็นเลนส์ที่ได้รับการยอมรับว่าให้คุณภาพของภาพที่ยอดเยี่ยม และสำหรับ RF100mm f/2.8L Macro IS USM นอกจากจะมีความสามารถในการทำงานใหม่ๆ ที่หลากหลายแล้ว ยังให้ประสิทธิภาพด้านออพติคอลที่ยอดเยี่ยมเช่นเดียวกัน
แม้จะไม่ได้ใช้การเคลือบหรือชิ้นเลนส์แบบพิเศษใดๆ แต่เลนส์นี้ใช้แก้วแบบเดียวกับที่ใช้ในเลนส์ฟลูออไรต์ ซึ่งเป็นแก้วแบบหักเหแสงสูงและมีคุณสมบัติในการปรับอัตราความยาวคลื่นแสงแบบ Anomalous Dispersion ซึ่งสามารถแก้ไขความคลาดสีได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเคลือบและรูปทรงของชิ้นเลนส์ได้รับการเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อลดการเกิดแสงหลอก คุณสมบัติเหล่านี้ เมื่อรวมกับการเคลือบฟลูออรีนป้องกันการเปื้อนบนพื้นผิวด้านหน้าเลนส์และการออกแบบที่สามารถป้องกันฝุ่นและหยดน้ำ จึงให้ประสิทธิภาพด้านออพติคอลและความทนทานที่ยอดเยี่ยมซึ่งทำให้เลนส์ L สามารถถ่ายภาพได้ในสภาพแวดล้อมหลากหลายแบบ
โครงสร้างเลนส์
เคลือบฟลูออรีนป้องกันรอยเปื้อนบนพื้นผิวเลนส์ด้านหน้า
ดีไซน์ป้องกันฝุ่นและหยดน้ำ
ด้วยวงแหวน สวิตช์ และชิ้นส่วนเคลื่อนไหวต่างๆ ที่ได้รับการซีลป้องกันสภาพอากาศ เลนส์จึงมีการออกแบบที่สามารถป้องกันฝุ่นและหยดน้ำไม่ให้เข้ามาในเลนส์ได้ ซึ่งเป็นการช่วยเพิ่มความทนทาน
ที่ยึดขาตั้งกล้องแบบวงแหวนเพื่อความมั่นคงและการเปลี่ยนแนวกล้องที่ง่ายดายยิ่งขึ้น
เพื่อให้ยึดขาตั้งกล้องได้มั่นคงขึ้น คุณสามารถใช้ตัวยึดขาตั้งกล้องแบบวงแหวนรุ่นใหม่ซึ่งให้ความมั่นคงที่มากขึ้นได้ (แยกจำหน่ายต่างหาก) เมื่อติดตั้งลงไปบนท่อเลนส์ RF100mm f/2.8L Macro IS USM จะช่วยยึดกล้องและเลนส์ไว้ที่จุดศูนย์กลางของแรงโน้มถ่วง จึงช่วยเพิ่มความมั่นคงได้ เมื่อคลายตัวล็อคสกรู จะทำให้หมุนกล้องไปรอบๆ เลนส์ได้ ช่างภาพจึงสามารถเปลี่ยนแนวการวางตัวของภาพได้โดยไม่ต้องเอียงหัวขาตั้งกล้อง
ตัวยึดขาตั้งกล้องแบบวงแหวน E(B): แยกจำหน่ายต่างหาก
เมื่อใช้ขาตั้งกล้อง หากจะเปลี่ยนการจัดองค์ประกอบภาพจากแนวนอนมาเป็นแนวตั้ง คุณมักจะต้องเอียงหัวขาตั้งกล้อง การเคลื่อนไหวเช่นนี้จะส่งผลให้ตำแหน่งการถ่ายภาพเปลี่ยนไปมาก และการที่ต้องปรับเปลี่ยนการตั้งค่าใหม่ทั้งหมดอาจเป็นเรื่องยุ่งยากโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อถ่ายภาพแบบมาโคร ตัวยึดขาตั้งกล้องแบบวงแหวนช่วยให้สามารถหมุนกล้องได้โดยที่เลนส์ยังอยู่กับที่ ตัวแบบจึงยังคงอยู่ตรงกึ่งกลางขององค์ประกอบภาพและแกนออพติคอลจะคงอยู่ที่เดิมแม้แนวการวางตัวของภาพจะเปลี่ยนแปลงไป
RF100mm f/2.8L Macro IS USM
ข้อมูลจำเพาะที่สำคัญ
โครงสร้างเลนส์: 17 ชิ้นเลนส์ใน 13 กลุ่ม
ระยะโฟกัสใกล้สุด: 0.26 ม.
กำลังขยายสูงสุด: 1.4 เท่า
จำนวนม่านรูรับแสง: 9 (กลีบ)
เส้นผ่านศูนย์กลางฟิลเตอร์: 67 มม.
ขนาด: φ81.5 x 148 มม.
น้ำหนัก: ประมาณ 730 ก.
เลนส์ฮูด: ET-73C (มีให้ในชุด)
ภาพตัวอย่าง
EOS R5/ RF100mm f/2.8L Macro IS USM/ FL: 100 มม./ Manual exposure (f/3.5, 1/8000 วินาที)/ ISO 3200/ WB: อัตโนมัติ
EOS R5/ RF100mm f/2.8L Macro IS USM/ FL: 100 มม./ Manual exposure (f/3.5, 1/160 วินาที)/ ISO 400/ WB: 5200K
EOS R5/ RF100mm f/2.8L Macro IS USM/ FL: 100 มม./ Manual exposure (f/32, 1/160 วินาที)/ ISO 6400/ WB: 5700K/ ใช้แฟลช
EOS R5/ RF100mm f/2.8L Macro IS USM/ FL: 100 มม./ Aperture-priority AE (f/2.8, 1/400 วินาที)/ ISO 400/ WB: แสงแดด/ ควบคุม SA
EOS R5/ RF100mm f/2.8L Macro IS USM/ FL: 100 มม./ Manual exposure (f/5.6, 1/160 วินาที)/ ISO 160/ WB: 4800K
ถ่ายที่กำลังขยาย 1.4 เท่า
รับข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับการถ่ายภาพ รวมถึงเคล็ดลับและกลเม็ดต่างๆ
ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนชาว SNAPSHOT
ลงทะเบียนตอนนี้!