ค้นหาสิ่งที่คุณต้องการ

หรือค้นหาโดย

หัวข้อ

Article
Article

Article

e-Book
e-Book

e-Book

Video
Video

Video

Campaigns
Campaigns

Campaigns

Architecture
กล้องคอมแพค

กล้องคอมแพค

Architecture
DSLRs

DSLRs

Architecture
การถ่ายวีดิโอ

การถ่ายวีดิโอ

Architecture
ภาพดาราศาสตร์

ภาพดาราศาสตร์

Architecture
กล้องมิลเลอร์เลส

กล้องมิลเลอร์เลส

Architecture
ภาพสถาปัตยกรรม

ภาพสถาปัตยกรรม

Architecture
เทคโนโลยีของแคนนอน

เทคโนโลยีของแคนนอน

Architecture
การถ่ายภาพในขณะที่มีแสงน้อย

การถ่ายภาพในขณะที่มีแสงน้อย

Architecture
การสัมภาษณ์ช่างภาพ

การสัมภาษณ์ช่างภาพ

Architecture
ภาพวิวทิวทัศน์

ภาพวิวทิวทัศน์

Architecture
การถ่ายภาพมาโคร

การถ่ายภาพมาโคร

Architecture
การถ่ายภาพกีฬา

การถ่ายภาพกีฬา

Architecture
การถ่ายภาพท่องเที่ยว

การถ่ายภาพท่องเที่ยว

Architecture
การถ่ายภาพใต้น้ำ

การถ่ายภาพใต้น้ำ

Architecture
แนวคิดการถ่ายภาพและการประยุกต์ใช้

แนวคิดการถ่ายภาพและการประยุกต์ใช้

Architecture
การถ่ายภาพสตรีท

การถ่ายภาพสตรีท

Architecture
กล้องมิเรอร์เลสแบบฟูลเฟรม

กล้องมิเรอร์เลสแบบฟูลเฟรม

Architecture
เลนส์และอุปกรณ์เสริม

เลนส์และอุปกรณ์เสริม

Architecture
Nature & Wildlife Photography

Nature & Wildlife Photography

Architecture
การถ่ายภาพพอร์ตเทรต

การถ่ายภาพพอร์ตเทรต

Architecture
การถ่ายภาพกลางคืน

การถ่ายภาพกลางคืน

Architecture
การถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง

การถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง

Architecture
โซลูชั่นการพิมพ์

โซลูชั่นการพิมพ์

Architecture
รีวิวผลิตภัณฑ์

รีวิวผลิตภัณฑ์

Architecture
การถ่ายภาพงานแต่งงาน

การถ่ายภาพงานแต่งงาน

เคล็ดลับและบทเรียน >> เคล็ดลับและบทเรียนทั้งหมด จุดโฟกัส: การตั้งค่ารูรับแสงสำหรับฉากต่างๆ- Part1

เทคนิคเกี่ยวกับการตั้งค่าตามขนาดรูรับแสง 1: ความสัมพันธ์ระหว่างรูรับแสงของเลนส์และโบเก้

2019-10-21
6
10.13 k
ในบทความนี้:

มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ทราบว่าข้อดีข้อหนึ่งของเซนเซอร์ภาพที่มีขนาดใหญ่ขึ้นในกล้องของคุณคือ สามารถช่วยสร้างเอฟเฟ็กต์ภาพเบลอสวยๆ ที่เรียกว่า “โบเก้” คุณสามารถใช้เอฟเฟ็กต์นี้เพื่อแยกตัวแบบออกจากแบ็คกราวด์และทำให้ตัวแบบ “โดดเด่น” ออกมา คุณจะสามารถทำได้อย่างไร พบคำตอบได้ในบทความนี้! (เรื่องโดย: Teppei Kohno)

ดอกไม้ที่มีโบเก้ในแบ็คกราวด์

i) รูรับแสงคืออะไรและเกี่ยวข้องกับโบเก้อย่างไร
ii) จะควบคุมรูรับแสงได้อย่างไร
iii) บอกขนาดรูรับแสงกว้างสุดจากชื่อเลนส์
iv) คำแนะนำแบบทีละขั้นตอน: เปลี่ยนค่ารูรับแสง
v) เคล็ดลับพิเศษในการถ่ายภาพดอกไม้ให้สวยงามยิ่งขึ้น

 

รูรับแสงคืออะไรและเกี่ยวข้องกับโบเก้อย่างไร

มาทบทวนสั้นๆ กันก่อน: รูรับแสง หมายถึง ช่องในเลนส์ที่เปิดให้แสงผ่านเข้ามาภายในกล้อง ช่องนี้เกิดจากม่านรูรับแสง

ขนาดของช่องที่ว่านี้มีผลต่อ “ระยะชัด” ซึ่งก็คือพื้นที่ในภาพที่ปรากฏในโฟกัส พื้นที่นอกส่วนนี้ (“พื้นที่นอกโฟกัส”) จะเกิดการเบลอที่ดูต่างจากการเบลอจากการเคลื่อนไหวหรือการสั่นของกล้อง การเบลอในลักษณะนี้คือสิ่งที่เราเรียกกันว่า “โบเก้”

และนี่คือความสัมพันธ์ระหว่างรูรับแสงและโบเก้:

  • - ช่องรูรับแสงใหญ่ขึ้น = ระยะชัดตื้นขึ้น = โบเก้ชัดเจนขึ้น
  • - ช่องรูรับแสงเล็กลง = ระยะชัดลึกขึ้น = โบเก้ชัดเจนน้อยลง

มีปัจจัยทั้งหมดสี่ข้อที่ส่งผลต่อโบเก้และระยะชัด (อ่านเพิ่มเติมได้ใน คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเลนส์ #3: การสร้างโบเก้) อย่างไรก็ตาม วิธีสร้างโบเก้ที่ง่ายที่สุดคือ ใช้การควบคุมรูรับแสง ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของบทความนี้

 

จะควบคุมรูัรับแสงได้อย่างไร

รูรับแสงจะแสดงเป็นค่าตัวเลขที่เรียกว่า ค่า f ยิ่งค่า f ต่ำ ช่องรูรับแสงก็จะยิ่งกว้างขึ้น

คุณสามารถควบคุมขนาดของช่องรูรับแสงในกล้องของคุณได้ด้วยการเปลี่ยนค่ารูรับแสง (ค่ารูรับแสง/ค่า f) ในกล้อง (นี่คือคำแนะนำทีละขั้นตอนในการเปลี่ยนค่ารูรับแสง

 

แผนภาพแสดงความสัมพันธ์ระหว่างค่า f และขนาดของรูรับแสง

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างค่า f และการเปิดรูรับแสง กรุณาคลิกที่นี่

 

แม้พยายามจะเปลี่ยนค่า f แต่ก็ทำไม่ได้ เป็นเพราะอะไร

อาจเป็นเพราะคุณใช้โหมดการถ่ายภาพที่ไม่ถูกต้อง คุณจะสามารถควบคุมค่า f ได้ก็ต่อเมื่อคุณใช้โหมดใดโหมดหนึ่งต่อไปนี้:

แม้ว่าคุณสามารถถ่ายภาพที่สวยงามมากเมื่อใช้ โหมด Program AE (P) หรือโหมดฉากพิเศษ แต่ในโหมดเหล่านี้ กล้องจะกำหนดค่าการเปิดรับแสงทั้งหมดรวมทั้งค่ารูรับแสงด้วย ซึ่งคุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ จึงหมายความว่าคุณจะสร้างเอฟเฟ็กต์โบเก้ตามที่ต้องการได้ยากขึ้น

ฉันยังเป็นมือใหม่ ควรเริ่มด้วยโหมดไหนดี

ลองใช้โหมด Av ในโหมดนี้ กล้องจะตั้งค่าความเร็วชัตเตอร์ที่เหมาะที่สุดโดยให้อัตโนมัติสำหรับค่า f ที่คุณเลือกไว้ คุณสามารถลองใช้โหมดแมนนวลได้เมื่อคุณมีความคุ้นเคยกับการเปิดรับแสงมากขึ้น!

ในภาพตัวอย่างด้านล่าง ตัวอย่างภาพที่ใช้ f/2.8 ถ่ายในโหมด Av ในขณะที่ตัวอย่างภาพที่ใช้ f/8 ถ่ายโดยใช้โหมด P คุณเห็นความแตกต่างหรือไม่

โหมด Av - f/2.8

ดอกไม้ในทุ่งหญ้าที่มีโบเก้นุ่มนวล

ดอกไม้โดดเด่นขึ้นด้วยเอฟเฟ็กต์โบเก้ที่สวยงามน่ารักในส่วนแบ็คกราวด์

โหมด P - f/8

ดอกไม้ในทุ่งหญ้าที่มีโบเก้เล็กน้อยมาก

กล้องตั้งค่ารูรับแสงไว้ค่อนข้างแคบที่ f/8 เนื่องจากมีแสงแดดจ้า แม้การเปิดรับแสงจะสมบูรณ์แบบ แต่เอฟเฟ็กต์โบเก้นั้นไม่สวยงามและนุ่มนวลเท่าภาพตัวอย่างที่ใช้ค่า f/2.8 ยังคงพอมองเห็นเอฟเฟ็กต์โบเก้อยู่บ้างเนื่องจากผมถ่ายภาพใกล้กับดอกไม้มาก แต่ค่า f ทำให้เกิดความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด

 

ข้อควรรู้: เลนส์แต่ละรุ่นมีรูรับแสงกว้างสุดต่างกัน

เลนส์ทุกรุ่นมีค่ารูรับแสงกว้างสุดที่แตกต่างกัน ซึ่งตัวเลขนี้จะมีบอกไว้ในชื่อของเลนส์ในส่วนตัวเลขที่ขึ้นต้นด้วย “f” (ในกรอบสีแดงด้านล่าง) 



 

ทำไมชื่อของเลนส์บางรุ่นจึงบอกค่า f เป็นช่วง

สำหรับเลนส์ที่มีรูรับแสงแบบปรับได้ เช่น EF-S18-55mm f/4-5.6 IS STM ค่ารูรับแสงกว้างสุดจะเปลี่ยนไปตามทางยาวโฟกัสที่คุณใช้ ซึ่งในกรณีนี้ ค่า f ทั้งสองค่ามีบอกไว้ในชื่อเลนส์ เลขตัวแรกคือค่ารูรับแสงกว้างสุดที่ระยะมุมกว้าง และตัวที่สองคือค่ารูรับแสงกว้างสุดที่ระยะเทเลโฟโต้

ตัวอย่างเช่น ข้อมูลต่อไปนี้เป็นสิ่งที่ชื่อของเลนส์ “EF-S18-55mm f/4-5.6 IS STM” บอกเราเกี่ยวกับค่า f ต่ำสุดที่เราสามารถตั้งค่าได้

  • - ที่ทางยาวโฟกัส 18 มม. ค่า f ต่ำสุดที่ตั้งได้คือ f/4
  • - ที่ทางยาวโฟกัส 55 มม. ค่า f ต่ำสุดที่ตั้งได้คือ f/5.6
  • - ที่ทางยาวโฟกัสระหว่างทั้งสองระยะ ค่า f ต่ำสุดที่ตั้งได้คือ ระหว่าง f/4 กับ f/5.6

ภาพโคลสอัพของชื่อเลนส์ซึ่งอยู่ด้านหน้าเลนส์

  ชื่อของเลนส์อาจจะแสดงอยู่ที่ด้านหน้าของเลนส์ด้วย 

 

เคล็ดลับพิเศษ: ใช้รูปแบบภาพ “บุคคล” เพื่อให้สีสันโดดเด่นขึ้น

ลองเปลี่ยนรูปแบบภาพเพื่อให้สีของดอกไม้ดูสวยงามยิ่งขึ้น โดยการตั้งค่ารูปแบบภาพเป็นโหมด “บุคคล” เพื่อเพิ่มความสดใสของสีชมพูและสีเหลืองของดอกไม้

รูปแบบภาพ “มาตรฐาน”

ดอกไม้ในทุ่งหญ้า

ภาพที่ได้ดูสดใสพอสมควร แต่ยังมีอะไรบางอย่างขาดไป

รูปแบบภาพ “บุคคล”

ดอกไม้ในทุ่งหญ้าที่มีสีสันสดใสกว่า

ในภาพนี้ สีสันต่างๆ ดูสดใสกว่า

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการใช้รูปแบบภาพเพื่อเปลี่ยนรูปลักษณ์ของภาพที่คุณถ่ายได้ที่:
3 ขั้นตอนในการสร้างภาพถ่ายที่ปรับแต่งได้ตามใจคุณด้วยฟังก์ชั่นรูปแบบภาพ
EOS M6: สามคุณสมบัติเด่นที่คุณสามารถใช้เพื่อให้ได้ภาพทิวทัศน์เมืองยามค่ำคืนที่สวยงามน่าทึ่ง
การถ่ายภาพยามค่ำคืน: การปรับค่าความเปรียบต่างเพื่อสร้างภาพที่งดงามและให้ความรู้สึกเหนือจริง

 

วิธีเปลี่ยนค่ารูรับแสง

*ภาพสำหรับใช้ประกอบบทความเท่านั้น วงแหวนและปุ่มต่างๆ บนกล้องของคุณอาจดูแตกต่างไปจากนี้เล็กน้อย!

 

1. ตั้งกล้องไปที่โหมด [Av]

มุมมองด้านบนของกล้อง EOS M6 Mark II ที่วงแหวนเลือกโหมดถูกวงกลมไว้

เปิดสวิตช์กล้องไปที่ [ON] และหมุนวงแหวนเลือกโหมดไปที่โหมด [Av]

ข้อควรรู้: กล้องบางรุ่น เช่น EOS M6 Mark II มาพร้อมกับโหมด Fv ซึ่งทำหน้าที่เหมือนโหมด P เว้นแต่คุณสามารถยกเลิกการตั้งค่าการเปิดรับแสงที่กล้องกำหนดไว้ได้อย่างง่ายดายเมื่อต้องการ จึงใช้งานได้สะดวกหากคุณชอบให้กล้องกำหนดการตั้งค่าให้เป็นส่วนใหญ่ แต่ต้องการควบคุมเองบ้างเป็นบางครั้ง!

 

2. หมุนวงแหวนควบคุมหลัก

มุมมองด้านบนของกล้อง EOS M6 Mark II ที่วงแหวนควบคุมหลักถูกวงกลมไว้

ใช้นิ้วชี้หมุนวงแหวนควบคุมหลักเพื่อเปลี่ยนค่า f หมุนวงแหวนไปทางซ้ายเพื่อลดค่า f และให้ได้ค่ารูรับแสงกว้างสุด และหมุนวงแหวนไปทางขวาเพื่อเพิ่มค่า f

 

3. ตรวจสอบว่าค่า f เปลี่ยนแปลงไปหรือไม่

เมนู Quick Control บนกล้อง DSLR

หน้าจอ LCD ด้านหลังระหว่างถ่ายภาพผ่าน OVF ด้วยกล้อง DSLR

ค่า f ที่แสดงใน Live View

ขณะถ่ายภาพด้วย Live View/EVF

ค่า f ปัจจุบันจะปรากฏดังที่วงกลมไว้ ตรวจสอบว่าค่า f เปลี่ยนแปลงแล้วก่อนที่จะเริ่มถ่ายภาพ

---

ในบทความต่อๆ ไป เราจะมาศึกษาค่า f ต่างๆ กันและดูว่าแต่ละค่าเหมาะสำหรับการสร้างเอฟเฟ็กต์แบบใดบ้าง ระหว่างนี้ คุณน่าจะลองถ่ายภาพโดยใช้ค่า f ที่แตกต่างกันและดูว่าโบเก้ที่ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร และหากคุณอยากลองเปลี่ยนอะไรใหม่ๆ ดูบ้าง ให้ลองปรับเปลี่ยนปัจจัยอื่นๆ ที่สร้างโบเก้ด้วย 

 

ช่วงนี้คุณได้ถ่ายภาพที่มีโบเก้บ้างหรือไม่ เล่าให้เราฟังได้ที่ My Canon Story เรื่องราวของคุณอาจเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นได้ด้วย!

 


รับข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับการถ่ายภาพ รวมถึงเคล็ดลับและกลเม็ดต่างๆ

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนชาว SNAPSHOT

ลงทะเบียนตอนนี้!

เกี่ยวกับผู้เขียน

Teppei Kohno

เกิดที่โตเกียวในปี 1976 เขาจบการศึกษาด้านสังคมสงเคราะห์จากคณะสังคมวิทยา มหาวิทยาลัย Meiji Gakuin และฝึกถ่ายภาพกับช่างภาพ Masato Terauchi เขามีส่วนร่วมในการถ่ายภาพให้นิตยสาร PHaT PHOTO ฉบับแรก และผันตัวมาเป็นช่างภาพอิสระหลังจากนั้นในปี 2003 Kohno ถ่ายภาพโฆษณาทุกประเภท นอกจากนั้นเขายังเป็นนักเขียนที่มีผลงานเขียนมากมายในนิตยสารเกี่ยวกับกล้องและนิตยสารอื่นๆ ด้วย

http://fantastic-teppy.chips.jp

บทความที่เกี่ยวข้อง

แบ่งปันภาพถ่ายของคุณใน My Canon Story แล้วร่วมลุ้นโอกาสเผยแพร่ผลงานบนโซเชียลมีเดียของเรา