การเปิดตัวกล้อง EOS RP ทำให้ในปัจจุบันมีกล้องสองรุ่นในกลุ่มกล้องระบบ EOS R กล้องทั้งสองรุ่นมีเมาท์ RF ที่ปฏิวัติวงการถ่ายภาพ ด้วยคุณภาพของภาพที่สูงกว่า รวมทั้งเทคโนโลยีนำสมัยจาก Canon เช่น ระบบ Dual Pixel CMOS AF ซึ่งมีสมรรถนะในการถ่ายภาพอันทรงพลัง บทความนี้จะอธิบายความเหมือนและแตกต่างที่สำคัญระหว่างกล้องทั้งสองรุ่น
1. ประสิทธิภาพในการสร้างภาพถ่าย
สิ่งที่แตกต่าง
ความละเอียดของภาพ: กล้อง EOS R มีจำนวนพิกเซลมากกว่า EOS RP 4.1 ล้านพิกเซล
ความแตกต่างนี้ส่งผลต่ออะไรบ้าง
- รายละเอียด: กล้องทั้งสองรุ่นมีเซนเซอร์ฟูลเฟรมขนาด 35 มม. เหมือนกัน แต่การมีจำนวนพิกเซลที่มากกว่าหมายถึงความสามารถในการเก็บรายละเอียดที่ดีกว่า
- ความชัดเจนของจุดรบกวน: ทั้งกล้อง EOS R และ EOS RP ต่างก็ใช้ระบบประมวลผลภาพ DIGIC 8 และระบบลดจุดรบกวนแบบเดียวกัน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพิกเซลทั้งหมดของกล้องทั้งสองรุ่นจะต้องอยู่ภายในเซนเซอร์ที่มีขนาดเท่ากัน พิกเซลหนึ่งในกล้อง EOS R จึงมีขนาดเล็กกว่าพิกเซลหนึ่งในกล้อง EOS RP พิกเซลที่มีขนาดเล็กกว่าจะสามารถแสดงจุดรบกวนได้ละเอียดกว่า จึงทำให้ภาพดูหยาบน้อยกว่า
ไม่ส่งผลต่ออะไรบ้าง
หากคุณต้องการพิมพ์ภาพขนาด A3 หรือเล็กกว่า จำนวนพิกเซล 26.2 ล้านพิกเซลในกล้อง EOS RP ก็นับว่าเกินพอแล้วสำหรับการพิมพ์ภาพขนาด A3 ด้วยความละเอียด 300 จุดต่อนิ้ว (dpi)
หากเปรียบเทียบพื้นที่ความละเอียดของภาพทั้งหมด จะเห็นว่าจำนวนพิกเซลที่ต่างกัน 4.1 ล้านพิกเซลนั้นไม่ไช่เรื่องใหญ่นัก ส่วนที่เป็นสีเหลืองคือพื้นที่ของพิกเซลที่ต้องใช้ในการพิมพ์ภาพขนาด A3 ที่ความละเอียด 300 dpi
ข้อควรทราบอื่นๆ: กล้อง EOS R มีโหมด Dual Pixel RAW ซึ่งช่วยให้คุณสามารถปรับแต่งรายละเอียดของภาพในระดับไมโคร ลดระดับ Bokeh Shift และการเกิดแสงหลอกได้ด้วย Dual Pixel RAW Optimizer เมื่อคุณปรับแต่งภาพด้วยซอฟต์แวร์ Digital Photo Professional
2. ประสิทธิภาพการถ่ายภาพ
สิ่งที่เหมือนกัน
ประสิทธิภาพของ AF และพื้นที่ครอบคลุม: ทั้งกล้อง EOS R และ EOS RP มีระบบ Dual Pixel CMOS AF ที่ทำงานได้รวดเร็วและแม่นยำ กล้องทั้งสองรุ่นให้พื้นที่ AF ที่มีความครอบคลุมในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนด้วยขนาด 88% x 100% (แนวนอน x แนวตั้ง) ของเฟรมภาพ* และ AF ความเร็วสูงถึง 0.05 วินาที** ซึ่งเร็วกว่าพริบตาหนึ่งถึงสิบเท่า
Eye Detection AF: กล้องทั้งสองรุ่นมี Eye Detection AF ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยอำนวยความสะดวกได้อย่างมากในการถ่ายภาพพอร์ตเทรต สามารถอัพเดตเฟิร์มแวร์เพื่อเพิ่มฟังก์ชั่น Eye Detection AF ในขณะใช้งาน Servo AF และ Movie Servo AF ให้กับกล้อง EOS R ได้แบบเดียวกับ EOS RP
*80% x 80% เมื่อใช้เลนส์ EF และ EF-S บางรุ่นกับเมาท์อะแดปเตอร์
** อ้างอิงจากผลการทดสอบความเร็ว AF ตามแนวทางของ CIPA ผลที่ได้อาจแตกต่างกันไปตามสภาวะการถ่ายภาพและเลนส์ที่ใช้ ขึ้นอยู่กับวิธีที่ใช้ตรวจวัดภายใน
สิ่งที่แตกต่าง
ความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่อง: ในโหมด One Shot AF กล้อง EOS R สามารถถ่ายภาพได้สูงสุด 8 เฟรมต่อวินาที (fps) ในขณะที่ EOS RP สามารถถ่ายได้สูงสุด 5 fps
ตำแหน่ง AF: กล้อง EOS R มี AF ที่เลือกได้ด้วยตนเองถึง 5,655 ตำแหน่ง (อ่านเพิ่มเติมได้ที่: สเปคของกล้อง EOS R แท้จริงแล้วเป็นอย่างไร) ในขณะที่กล้อง EOS RP มี 4,779 ตำแหน่ง
วิธีโฟกัสอัตโนมัติ: กล้อง EOS R มีวิธีโฟกัสอัตโนมัติสองแบบที่ไม่มีในกล้อง EOS RP คือ Large Zone AF (แนวนอน) และ Large Zone AF (แนวตั้ง) ซึ่งวิธีโฟกัสอัตโนมัติเหล่านี้ช่วยให้ติดตามตัวแบบที่เคลื่อนที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ความแตกต่างนี้ส่งผลต่ออะไรบ้าง
ความแตกต่างของจำนวนตำแหน่ง AF ไม่ทำให้เกิดความแตกต่างมากนักในทางปฏิบัติ แต่ถ้าต้องถ่ายภาพกีฬา นก หรือตัวแบบอื่นๆ ที่มีการเคลื่อนที่อยู่บ่อยๆ คุณอาจจะพบว่าความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่องที่สูงกว่าและวิธีโฟกัสอัตโนมัติแบบ Large Zone AF ในกล้อง EOS R เป็นตัวช่วยที่มีประโยชน์
ความแตกต่างอื่นๆ ในด้านประสิทธิภาพการถ่ายภาพ
EOS R
ความเร็วชัตเตอร์สูงสุด: 1/8,000 วินาที
ความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่อง (Servo AF): สูงสุด 5 fps
จำนวนวิธีโฟกัสอัตโนมัติ: 7
AF ที่ขีดจำกัดแสงต่ำสุด: EV -6
EOS RP
ความเร็วชัตเตอร์สูงสุด: 1/4,000 วินาที
ความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่อง (Servo AF): สูงสุด 4 fps
จำนวนวิธีโฟกัสอัตโนมัติ: 6
AF ที่ขีดจำกัดแสงต่ำสุด: EV -5
ดูเพิ่มเติมได้ที่
คุณสมบัติ 8 ข้อในการโฟกัสของกล้อง EOS R ที่ใครๆ ก็อยากสัมผัส
7 คุณสมบัติเด่นของกล้อง EOS RP
3. หน้าจอ LCD และ EVF
สิ่งที่เหมือนกัน
OLED: สำหรับกล้องทั้งสองรุ่น EVF และหน้าจอ LCD ด้านหลังใช้แผง OLED ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องสีสันที่สดใสและการตอบสนองที่ฉับไว
เลนส์ใกล้ตา: กล้องทั้งสองรุ่นใช้เลนส์ใกล้ตาที่ออกแบบมาเพื่อใช้ร่วมกับเทคโนโลยีออพติคอลของ Canon จึงทำให้การมองเห็นเป็นธรรมชาติเช่นเดียวกับช่องมองภาพแบบออพติคอล
สิ่งที่แตกต่าง
EVF: EVF ในกล้อง EOS R มีขนาด 0.5 นิ้ว และมีความละเอียดประมาณ 3.65 ล้านจุด ซึ่งมีความละเอียดของภาพสูงกว่า EVF ในกล้อง EOS RP (0.39 นิ้ว ประมาณ 2.36 ล้านจุด)
หน้าจอ LCD ด้านหลัง: หน้าจอ LCD ด้านหลังของกล้อง EOS R (3.15 นิ้ว ประมาณ 2.1 ล้านจุด) มีความละเอียดมากกว่า EOS RP (3.0 นิ้ว ประมาณ 1.04 ล้านจุด) ราวสองเท่า
ความแตกต่างนี้ส่งผลต่ออะไรบ้าง
หน้าจอที่มีขนาดใหญ่กว่าและความละเอียดที่สูงกว่านั้นมีประโยชน์เมื่อคุณต้องการปรับโฟกัสให้ได้อย่างแม่นยำ
4. ขนาดและน้ำหนัก
*รวมแบตเตอรี่และการ์ด SD 1 ชิ้น
สิ่งที่แตกต่าง
จะเห็นได้จากภาพว่ากล้อง EOS RP มีขนาดเล็กและเบากว่า EOS R
ความแตกต่างนี้ส่งผลต่ออะไรบ้าง
ขนาดที่เล็กกว่าและน้ำหนักที่เบากว่าของกล้องจะเป็นข้อได้เปรียบเมื่อคุณต้องเคลื่อนที่ไปมาหรือถ่ายภาพโดยถือกล้องด้วยมือเป็นระยะเวลานาน
5. คุณสมบัติในการถ่ายวิดีโอ
EOS R
4K UHD: 30p/25p @ 480 Mbps
Dual Pixel CMOS AF
การบันทึกแบบอัตราต่อเฟรมสูง (HD) 120p/100p
Canon Log
ภาพเคลื่อนไหว HDR
ภาพเคลื่อนไหวแบบ Time Lapse
เอาต์พุตแบบ HDMI 10-บิต 4:2:2
EOS RP
4K UHD: 25p/24p @ 120 Mbps
ภาพเคลื่อนไหว HDR
ภาพเคลื่อนไหวแบบ Time Lapse
วิดีโอสั้น
เอาต์พุตแบบ HDMI 8-บิต 4:2:2
สิ่งที่เหมือนกัน
ทั้ง EOS R และ EOS RP รองรับการบันทึกวิดีโอแบบ 4K UHD
สิ่งที่แตกต่าง
ฟังก์ชั่นการทำงาน: กล้อง EOS R มีคุณสมบัติบางอย่างที่ EOS RP ไม่มี เช่น
- รองรับ Dual Pixel CMOS AF ระหว่างถ่ายภาพเคลื่อนไหวแบบ 4K ซึ่งช่วยในการโฟกัสตัวแบบที่กำลังเคลื่อนที่
- Focus Guide ช่วยให้โฟกัสแบบแมนนวลได้ง่ายขึ้นระหว่างการถ่ายภาพเคลื่อนไหว
- Canon Log การตั้งค่าการบันทึกซึ่งใช้ในระบบ Cinema EOS ซึ่งช่วยให้กระบวนการปรับแต่งภาพง่ายดายขึ้น
- ถ่ายภาพเคลื่อนไหวอัตราต่อเฟรมสูงที่ 120p/100p (คุณภาพระดับ HD)
ความแตกต่างนี้ส่งผลต่ออะไรบ้าง
กล้อง EOS RP มีคุณสมบัติการถ่ายวิดีโอในระดับมาตรฐานซึ่งเพียงพอสำหรับผู้ใช้ทั่วไป ในขณะที่สเปคด้านการถ่ายวิดีโอของ EOS R นั้นรองรับการใช้งานในการถ่ายทำภาพยนตร์ระดับมืออาชีพ ขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการจะทำอะไรกับวิดีโอของคุณบ้าง
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
วิธีที่ Canon EOS RP ช่วยให้การสร้างภาพยนตร์เป็นเรื่องสบายหายห่วง
4 สิ่งที่คุณไม่รู้เกี่ยวกับวิดีโอ 4K ในกล้อง EOS R
6. ความทนทาน
สิ่งที่เหมือนกัน
ทั้งกล้อง EOS R และ EOS RP มีแผ่นโครงโลหะภายในทำจากแมกนีเซียมอัลลอยที่มีความแข็งแรงทนทาน ทั้งสองรุ่นมีคุณสมบัติป้องกันฝุ่นละอองและความชื้น (แม้ความสามารถและประเภทของซีลป้องกันสภาพอากาศจะแตกต่างกัน)
สิ่งที่แตกต่าง
กรอบโครงสร้างภายนอก: กล้อง EOS R ผลิตจากแมกนีเซียมอัลลอยเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งทำให้มีความแข็งแรงทนทานเช่นเดียวกับกล้องในซีรีย์ EOS-1 ส่วนกล้อง EOS RP ผลิตจากเรซิ่นโพลีคาร์บอเนตที่มีเส้นใยนำไฟฟ้าเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งทำให้มีน้ำหนักเบาและมีความแข็งแรงที่เพียงพอกับการใช้งาน
ความคงทนของชัตเตอร์: สูงสุดถึง 200,000 รอบสำหรับกล้อง EOS R และ 100,000 รอบสำหรับ EOS RP
อื่นๆ: เมื่อปิดการทำงานของกล้อง EOS R ชัตเตอร์จะคลุมเซนเซอร์ไว้โดยอัตโนมัติ เป็นการป้องกันฝุ่นเมื่อคุณเปลี่ยนเลนส์
ความแตกต่างนี้ส่งผลต่ออะไรบ้าง
พิจารณาดูว่าคุณเปลี่ยนเลนส์บ่อยแค่ไหน และคุณต้องถ่ายภาพในพื้นที่ที่มีฝุ่นละอองมากหรือมีสภาพอากาศที่สมบุกสมบันเป็นประจำหรือไม่
7. อายุแบตเตอรี่
สิ่งที่แตกต่าง
ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้กล้อง EOS RP มีขนาดเล็กและน้ำหนักเบาคือ ชุดแบตเตอรี่ LP-E17 ซึ่งมีความจุ 1040mAh จึงสามารถถ่ายภาพได้สูงสุด 250 ภาพต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง เมื่อเปรียบเทียบกัน EOS R ใช้ชุดแบตเตอรี่ LP-E6N ขนาดใหญ่กว่า ซึ่งเป็นแบตเตอรี่ชนิดเดียวกับกล้องในซีรีย์ EOS 5D และ 7D จึงสามารถถ่ายภาพได้ 370 ภาพด้วยความจุ 1865mAh
ความแตกต่างนี้ส่งผลต่ออะไรบ้าง
เมื่อคุณถ่ายภาพมากกว่า 200 ภาพต่อวันเท่านั้น โปรดทราบด้วยว่าคุณอาจถ่ายภาพได้มากกว่าจำนวนที่ระบุไว้ ขึ้นอยู่กับการใช้งาน
ข้อควรทราบอื่นๆ: กล้อง EOS R มีแบตเตอรี่กริป BG-E22 เป็นแบตเตอรี่กริปเสริม (ดังแสดงไว้ด้านบน) ซึ่งรองรับแบตเตอรี่ 2 สองก้อน ทำให้สามารถถ่ายภาพเพิ่มขึ้นได้รวมแล้ว 740 ภาพโดยประมาณ และยังช่วยให้ถือกล้องได้อย่างสะดวกสบายด้วยในขณะถ่ายภาพในแนวตั้ง จึงมีประโยชน์สำหรับการถ่ายภาพ เช่น ภาพพอร์ตเทรต
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกล้อง EOS R และ EOS RP ได้ที่
มอบความเป็นเลิศด้านการถ่ายภาพด้วยกล้อง EOS R
ดึงศักยภาพของคุณออกมาด้วย EOS RP
จุดโฟกัส: EOS R
รับข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับการถ่ายภาพ รวมถึงเคล็ดลับและกลเม็ดต่างๆ
ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนชาว SNAPSHOT
ลงทะเบียนตอนนี้!