เลนส์ RF70-200mm f/2.8L IS USM: 6 สิ่งที่คุณต้องทราบ
เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2019 ที่ผ่านมา Canon ประกาศเปิดตัวเลนส์ RF70-200mm f/2.8L IS USM เพื่อเสริมทัพ 3 เลนส์ซูม f/2.8 ทรงพลังตระกูล RF เลนส์รุ่นนี้รวมคุณสมบัติใหม่ๆ ไว้มากมาย พร้อมการออกแบบที่มอบคุณภาพของภาพสูงในตัวเลนส์ที่กะทัดรัดและน้ำหนักเบา ตลอดจนช่วงการซูมเทเลโฟโต้ที่ทำให้ระบบ EOS R สมบูรณ์ เลนส์รุ่นนี้ทำอะไรได้บ้างและทำได้อย่างไร หาคำตอบได้จากบทความนี้ ซึ่งเราได้รวบรวมข้อมูลน่าสนใจที่ผู้พัฒนาเลนส์นำมาเปิดเผย
1. กะทัดรัด น้ำหนักเบา พกพาสะดวก: คำเหล่านี้มักไม่ค่อยนำมาใช้ในการอธิบายถึงเลนส์เทเลโฟโต้ไวแสงระดับมืออาชีพ ทว่า...
2. Nano USM ในเลนส์รุ่นนี้แตกต่างออกไปเล็กน้อย
3. ครั้งแรกของ Canon กับ: ระบบควบคุมโฟกัสอิเล็กทรอนิกส์แบบชิ้นเลนส์ลอยตัวที่ขับเคลื่อนโดย Nano USM คู่
4. ชิ้นเลนส์น้อยลง แต่ประสิทธิภาพด้านออพติคอลสูงขึ้น
5. โหมด IS ที่สามคืออะไร
6. เลนส์ฮูดสีขาวที่ให้มาด้วยคือที่สุดของสัญลักษณ์ความมีระดับ
EOS R/ RF70-200mm f/2.8L IS USM/ FL: 200 มม./ Aperture-priority AE (f/2.8, 1/160 วินาที)/ ISO 100/ WB: 4800K
1. เลนส์ซูมเทเลโฟโต้ไวแสงระดับมืออาชีพ ซึ่งมีน้ำหนักเบาและกะทัดรัด
นักพัฒนาเลนส์ของ Canon รับหน้าที่พัฒนาเลนส์ซูมเทเลโฟโต้สำหรับเมาท์ RF โดยมีเป้าหมายสองประการ:
i) เพื่อให้ได้คุณภาพของภาพในระดับสูง ซึ่งใช้ประโยชน์ของเมาท์ RF อย่างเต็มที่
ii) เพื่อสร้างเลนส์ที่มีขนาดเล็กลง น้ำหนักเบาลง ตลอดจนคงความสะดวกในการพกพาและความคล่องตัวของระบบกล้องมิเรอร์เลส
ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงหวังว่าจะตอบสนองความต้องการของช่างภาพที่ให้ความสำคัญกับเลนส์ซูมเทเลโฟโต้ไวแสงที่มีคุณภาพระดับมืออาชีพ แต่ต้องการความคล่องตัวที่ดียิ่งขึ้นด้วย
Toshihiro Okuda (หัวหน้าทีมพัฒนา/ฝ่ายออกแบบกลไก): ถึงแม้ว่าจะได้รับคำชมอย่างมากในด้านคุณภาพของภาพ แต่เลนส์ EF70-200mm f/2.8L IS III USM ต้องใช้กระเป๋ากล้องขนาดใหญ่เวลาถ่ายภาพในต่างประเทศและพื้นที่ห่างไกล ซึ่งทำให้ยากต่อการพกพา
Kaishi Kawai (ฝ่ายวางแผนผลิตภัณฑ์): เมื่อคำนึงถึงปัจจัยนี้ เราจึงตั้งเป้าที่จะสร้างความยาวโดยรวมให้สั้นลงเพื่อให้ใส่ในกระเป๋ากล้องใบเล็กได้ง่าย
ความพยายามของพวกเขาประสบผลสำเร็จ: เลนส์ RF70-200mm f/2.8L IS USM มีน้ำหนักค่อนข้างเบาที่ 1,070 กรัม และสั้นกว่าเลนส์ EF70-200mm f/2.8L IS III USM ถึง 53 มม. เมื่อหดเข้าจนสุด ซึ่งช่วยให้จัดเก็บในกระเป๋ากล้องและพกพาได้ง่ายขึ้น แม้จะเป็นกระเป๋าถือขึ้นเครื่องบินก็ตาม ทำให้มีความสะดวกในการพกพาสมกับเป็นเลนส์ในระบบ EOS R
ดีไซน์ยืดขยายได้ พร้อมคุณสมบัติกันฝุ่นละอองและน้ำ
เลนส์นี้จะยืดออกเมื่อคุณซูมเข้า และจะหดกลับเมื่อคุณซูมออก
ผู้ใช้บางคนอาจกังวลว่า ดีไซน์ที่ยืดขยายได้นี้ทำให้มีแนวโน้มมากขึ้นที่ฝุ่นละอองและความชื้นจะแทรกซึมเข้าไปในเลนส์ เนื่องจากอากาศจะถูกดูดเข้าด้านในเมื่อซูมเข้า อย่างไรก็ตาม เลนส์ RF70-200mm f/2.8L IS USM ได้รับการออกแบบให้มีช่องทางระบายอากาศที่ควบคุมการไหลของอากาศและป้องกันไม่ให้อากาศจากสถานที่ที่ไม่คาดคิดถูกดูดเข้าไปภายใน ช่องทางนี้มีวัสดุป้องกันฝุ่น รวมถึงวัสดุที่ช่วยให้อากาศ (ไม่ใช่ความชื้น) ไหลผ่าน ซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่าเลนส์จะยังคงกันฝุ่นละอองและน้ำได้
2. Nano USM: หัวใจสำคัญของตัวเลนส์ที่เล็กกว่าและเบากว่าเดิม
นับเป็นความก้าวหน้าครั้งใหญ่ในการผลิตเลนส์ที่ทำงานได้ในระดับเทียบเท่ากับ EF70-200mm f/2.8L IS III USM เป็นอย่างน้อย แต่มีตัวเลนส์ที่มีขนาดเล็กกว่าและเบากว่า ความก้าวหน้าเช่นนี้เกิดขึ้นในรูปแบบของระบบควบคุมโฟกัสอิเล็กทรอนิกส์แบบชิ้นเลนส์ลอยตัวที่ขับเคลื่อนโดย Nano USM (มอเตอร์อัลตร้าโซนิค) สองตัว
Okuda: ส่วนหนึ่งของกลไกการซูมจากเลนส์ EF70-200mm f/2.8L IS III USM ซึ่งประกอบด้วยลูกเบี้ยวกลไก (ตัวควบคุมกลุ่มเลนส์กลไก) ถูกแทนที่ด้วยลูกเบี้ยวอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งขับเคลื่อนด้วย Nano USM ทำให้ไม่ต้องใช้ส่วนประกอบของลูกเบี้ยวกลไกอีกต่อไป จึงเอื้อต่อดีไซน์ที่มีน้ำหนักเบายิ่งขึ้น
EOS R/ RF70-200mm f/2.8L IS USM/ FL: 108 มม./ Manual exposure (f/2.8, 1/200 วินาที)/ ISO 200/ WB: แฟลช
Nano USM เป็นมอเตอร์ขนาดจิ๋วเกือบเท่าเล็บมือ แต่มีแรงบิดสูงมาก ซึ่งนอกจากจะสามารถจับโฟกัสอัตโนมัติความเร็วสูงในระหว่างการถ่ายภาพนิ่งแล้ว ยังสามารถจับโฟกัสอัตโนมัติได้อย่างราบรื่นและเงียบสนิทที่เหมาะสำหรับการถ่ายวิดีโออีกด้วย
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Nano USM ได้ที่:
Nano USM: การโฟกัสที่รวดเร็วและราบรื่นเพียงปลายนิ้วสัมผัส
หนึ่งในความท้าทายสำคัญที่นักพัฒนาเผชิญก็คือ การปรับ Nano USM เพื่อการซูมเทเลโฟโต้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการปรับ Nano USM: RF24-105mm f/4L IS USM ซึ่งเป็นเลนส์ L รุ่นแรกที่ใช้ Nano USM นั้น ใช้ชุด Nano USM ที่มีขนาดเล็กกว่า Nano USM รุ่นก่อนๆ มาก
Kazuharu Osawa (ฝ่ายออกแบบกลไก): กลุ่มเลนส์ของเลนส์เทเลโฟโต้มีการเคลื่อนไหวมาก (มีช่วงการเลื่อนกว้าง) ซึ่งทำให้การออกแบบ Nano USM ทำได้ยากยิ่งขึ้น สำหรับเลนส์ RF70-200mm f/2.8L IS USM นั้น เราประสบความสำเร็จในการพัฒนา Nano USM ที่สามารถรับมือกับช่วงการเลื่อนกว้าง แต่ยังคงขนาดเล็กและประสิทธิภาพของระบบโฟกัสอัตโนมัติเอาไว้
3. ระบบควบคุมโฟกัสอิเล็กทรอนิกส์แบบชิ้นเลนส์ลอยตัวรุ่นใหม่ ช่วยให้ถ่ายภาพได้ใกล้ขึ้นด้วยคุณภาพของภาพในระดับสูงยิ่งขึ้น
ระบบโฟกัสแบบชิ้นเลนส์ลอยตัวที่ขับเคลื่อนด้วย Nano USM คู่ (ซึ่งมีอยู่ในเลนส์ของ Canon เป็นครั้งแรก) ทำให้สามารถขับเคลื่อนกลุ่มเลนส์สองกลุ่มซึ่งไม่เพียงแต่รักษาประสิทธิภาพของเลนส์ไว้ในตัวเลนส์ที่มีเล็กกว่าและเบากว่าเดิมเท่านั้น แต่ยังสามารถถ่ายภาพตัวแบบจากระยะที่ใกล้ยิ่งขึ้น ด้วยกำลังขยายภาพสูงสุดที่ใหญ่ขึ้นและคุณภาพของภาพโคลสอัพที่ดียิ่งขึ้น
Kenji Shinohara (ฝ่ายออกแบบออพติคอล): การใช้ชุด Nano USM สองตัวทำให้เรามีอิสระมากขึ้นในการจัดวางกลุ่มเลนส์ ซึ่งเชื่อมโยงกับคุณภาพของภาพระดับสูง ชุด Nano USM สองตัวช่วยให้ควบคุมเลนส์โฟกัสและเลนส์แบบลอยตัวได้อย่างอิสระ นับเป็นครั้งแรกที่ Canon มีระบบควบคุมโฟกัสอิเล็กทรอนิกส์แบบชิ้นเลนส์ลอยตัว ซึ่งขับเคลื่อนเลนส์แบบลอยตัวด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์
การใช้ Nano USM สองตัวขับเคลื่อนกลุ่มเลนส์แต่ละกลุ่ม ช่วยให้ได้ความเงียบ ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และความเร็วในระดับสูงภายในตัวเลนส์ที่มีขนาดเล็กกว่าและเบากว่าเดิม อีกทั้งยังช่วยให้ถ่ายภาพตัวแบบจากระยะใกล้ยิ่งขึ้น ด้วยกำลังขยายภาพสูงสุดที่ใหญ่ขึ้นและคุณภาพของภาพโคลสอัพที่ดียิ่งขึ้น
เลนส์แบบลอยตัว
เลนส์โฟกัส
Nano USM
EOS R/ RF70-200mm f/2.8L IS USM/ FL: 200 มม./ Manual exposure (f/2.8, 1/10 วินาที)/ ISO 100/ WB: 5200K
ระบบควบคุมโฟกัสอิเล็กทรอนิกส์แบบชิ้นเลนส์ลอยตัวลดระยะโฟกัสใกล้สุดให้ใกล้เพียง 0.7 เมตร และขยายได้สูงสุด 0.23 เท่า ซึ่งจะช่วยให้ได้เอฟเฟ็กต์คล้ายภาพมาโคร เพียงแค่ถ่ายภาพที่ระยะเทเลโฟโต้จากระยะโฟกัสใกล้สุด
4. ใช้ชิ้นเลนส์พิเศษ 6 ชิ้น แต่มีจำนวนชิ้นเลนส์โดยรวมน้อยกว่า เมื่อเทียบกับเลนส์ในเวอร์ชัน EF
RF70-200mm f/2.8L IS USM ประกอบด้วยชิ้นเลนส์ 17 ชิ้นใน 13 กลุ่ม ซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เลนส์รุ่นนี้มีน้ำหนักเบากว่า EF70-200mm f/2.8L IS III USM ที่มีชิ้นเลนส์ 23 ชิ้นใน 19 กลุ่ม อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพด้านออพติคอลได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นจริง
Shinohara: เราได้ดัดแปลงเครื่องมือออกแบบออพติคอลในการพัฒนาของ Canon เพื่อเพิ่มศักยภาพสูงสุดให้กับระบบควบคุมโฟกัสอิเล็กทรอนิกส์แบบชิ้นเลนส์ลอยตัว
เลนส์นี้ประกอบด้วยชิ้นเลนส์ Super UD หนึ่งชิ้น ชิ้นเลนส์ UD สามชิ้น ชิ้นเลนส์แก้ความคลาดทรงกลม UD หนึ่งชิ้น และชิ้นเลนส์แก้ความคลาดทรงกลมแบบขึ้นรูปด้วยแก้วหนึ่งชิ้น เลนส์แก้ความคลาดทรงกลมแบบขึ้นรูปด้วยแก้วซึ่งอยู่ใกล้กับระนาบภาพมากที่สุด ได้รับการเคลือบแบบพิเศษที่เรียกว่า Subwavelength Structure Coating (SWC) เพื่อลดแสงแฟลร์และแสงหลอก ระยะแบ็คโฟกัสที่สั้นของเมาท์ RF ทำให้สามารถวางชิ้นเลนส์ขนาดใหญ่ให้อยู่ใกล้เซ็นเซอร์ภาพยิ่งขึ้น จึงช่วยให้ SWC ลดแสงจ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
โครงสร้างเลนส์
A: ชิ้นเลนส์แก้ความคลาดทรงกลม (ฉบับภาษาอังกฤษ)
B: ชิ้นเลนส์ UD (ฉบับภาษาอังกฤษ)
C: ชิ้นเลนส์แก้ความคลาดทรงกลม UD
D: SWC (ฉบับภาษาอังกฤษ)
การเคลือบฟลูออรีน (ฉบับภาษาอังกฤษ) กันรอยเปื้อนบนพื้นผิวด้านหน้าและหลังของเลนส์
5. มี IS แบบ 3 โหมด เช่นเดียวกับเลนส์ EF ซูเปอร์เทเลโฟโต้
ประสิทธิภาพของระบบป้องกันภาพสั่นไหว (IS) ของเลนส์รุ่นนี้อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณา โดยเฉพาะสำหรับการใช้ในฉากกีฬา เลนส์ที่มีอยู่ในระดับเดียวกันนั้นมาพร้อมกับโหมด IS สองโหมด แต่ RF70-200mm f/2.8L IS USM มีถึงสามโหมด
Satoshi Maruyama (ฝ่ายออกแบบระบบไฟฟ้า): โหมด 1 ใช้สำหรับตัวแบบที่อยู่นิ่ง และสามารถรับมือกับการสั่นไหวได้ทุกชนิด โหมด 2 ใช้สำหรับถ่ายภาพตัวแบบที่เคลื่อนไหวแบบแพนกล้อง โหมด 3 ใช้สำหรับถ่ายภาพตัวแบบที่เคลื่อนไหวในลักษณะที่ไม่สามารถคาดเดาได้ โหมดเหล่านี้จะคำนวณปริมาณการสั่นไหวของกล้องอย่างต่อเนื่องและจะทำงานระหว่างการรับแสงเท่านั้น แต่จะไม่ทำงานในขณะที่ช่างภาพกำลังตรวจสอบองค์ประกอบภาพ ช่างภาพมืออาชีพบางคนกล่าวว่า ภาพในช่องมองภาพดูไม่เป็นธรรมชาติ เนื่องจากเกิดการดีดกลับเมื่อขยับกล้องในขณะที่ IS ยังคงทำงานอยู่ แนะนำให้ใช้โหมด 3 สำหรับผู้ใช้ที่มีปัญหานี้
IS ปิด
IS เปิด
EOS R/ RF70-200mm f/2.8L IS USM/ FL: 70 มม./ Manual exposure (f/8, 0.4 วินาที)/ ISO 200/ WB: อัตโนมัติ
เลนส์รุ่นนี้รองรับการป้องกันภาพสั่นไหวเทียบเท่ากับความเร็วชัตเตอร์สูงสุด 5 สต็อป และใช้ได้กับ Dual Sensing IS ในระหว่างถ่ายภาพเคลื่อนไหว เลนส์ยังรองรับ Combination IS ซึ่งผสานรวมระบบ IS ออพติคอลในตัวเลนส์เข้ากับระบบ IS ดิจิตอล 5 แกนในตัวกล้อง เพื่อให้ได้วิดีโอที่ราบรื่นและไม่สั่นไหว
ดูเพิ่มเติมได้ที่:
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเลนส์ #3: เราจะกำหนดสต็อปของระบบป้องกันภาพสั่นไหวได้อย่างไร
6. มาพร้อมกับเลนส์ฮูดสีขาว ซึ่งเป็นสุดยอดของสัญลักษณ์แสดงความเป็นเลนส์ Canon
RF70-200mm f/2.8L IS USM สืบทอดโทนสีขาวโดดเด่นจากเลนส์เทเลโฟโต้ EF สีขาว (ฉบับภาษาอังกฤษ) ของ Canon ที่ใครๆ ชื่นชอบ เนื่องจากเหตุผลหนึ่งข้อ นั่นคือ สีขาวมาจากการเคลือบกันความร้อน (ฉบับภาษาอังกฤษ) ซึ่งปกป้องท่อเลนส์ไม่ให้เกิดความร้อนสูงเกินไปแม้แต่ท่ามกลางแดดจัด นอกจากนี้ เลนส์รุ่นนี้ยังมีเลนส์ฮูดสีขาว ที่แต่เดิมมีให้มาพร้อมกับเลนส์มืออาชีพระดับท็อปเอนด์เท่านั้น เช่น เลนส์เดี่ยวซูเปอร์เทเลโฟโต้
แต่สีขาวไม่ใช่สิ่งเดียวที่เลนส์รุ่นนี้สืบทอดมา แน่นอนว่ามีการรวมเทคโนโลยีและองค์ความรู้ที่ Canon มีอยู่เข้ากับนวัตกรรมใหม่ๆ เช่นกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่คาดหวังได้จากเลนส์ที่ไม่เพียงแต่เป็นหนึ่งในเลนส์หลักของระบบ EOS เท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของ “3 เลนส์ซูมทรงพลัง” ใหม่ของ Canon อีกด้วย
เลนส์ RF70-200mm f/2.8L IS USM
ข้อมูลจำเพาะ
โครงสร้างเลนส์: 17 ชิ้นเลนส์ใน 13 กลุ่ม
ระยะโฟกัสใกล้สุด: 0.7 ม.
กำลังขยายสูงสุด: 0.23 เท่า
จำนวนม่านรูรับแสง: 9 (กลีบ)
เส้นผ่านศูนย์กลางฟิลเตอร์: 77 มม.
ขนาด: φ89.9×146.0 มม.
น้ำหนัก: ประมาณ 1,070 กรัม (ไม่รวมเมาท์สำหรับขาตั้งกล้อง)
เลนส์ฮูด ET-83F (W III)
เลนส์ฮูดสีขาวที่ให้มาด้วยนี้แต่เดิมมีให้มาพร้อมกับเลนส์เดี่ยวซูเปอร์เทเลโฟโต้รุ่นท็อปของ Canon เท่านั้น
เลนส์ฮูดได้รับการออกแบบมาเพื่อให้สามารถปรับฟิลเตอร์ PL ได้ง่ายในขณะที่ติดตั้ง
คลิกที่นี่เพื่อดาวน์โหลดและอ่
---
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคโนโลยีของเลนส์ RF และเลนส์ RF รุ่นอื่นๆ ได้ที่:
จุดโฟกัส: เลนส์ RF
หากกำลังตัดสินใจว่าจะซื้อกล้อง EOS R หรือ EOS RP ดี โปรดดูที่:
EOS R หรือ EOS RP เลือกใช้กล้องรุ่นไหนดี
รับข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับการถ่ายภาพ รวมถึงเคล็ดลับและกลเม็ดต่างๆ
ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนชาว SNAPSHOT
ลงทะเบียนตอนนี้!