เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2021 Canon ประกาศเปิดตัว RF100-400mm f/5.6-8 IS USM ซึ่งเป็นเลนส์ซูมซูเปอร์เทเลโฟโต้รุ่นใหม่สำหรับกล้องในระบบ EOS R เลนส์รุ่นนี้ครอบคลุมช่วงทางยาวโฟกัส 100 มม. ถึง 400 มม. มาพร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวสูงสุดเทียบเท่าความเร็วชัตเตอร์ 5.5 สต็อป และยังเป็นเลนส์ Canon รุ่นแรกในกลุ่มที่รองรับเทเลคอนเวอร์เตอร์ นี่คือเลนส์ซูมซูเปอร์เทเลโฟโต้ราคาย่อมเยาที่มีคุณภาพเทียบเคียงเลนส์ระดับมืออาชีพอย่าง RF100-500mm f/4.5-7.1L IS USM และจะทำให้ใครๆ สนุกกับการสร้างสรรค์ภาพถ่ายซูเปอร์เทเลโฟโต้ที่น่าประทับใจได้มากขึ้น

1) ขนาดและน้ำหนัก: น้ำหนักเบากว่าเลนส์ซูมมาตรฐาน
2) ประโยชน์รอบด้าน: ช่วงทางยาวโฟกัส 100-400 มม.
3) ระบบป้องกันภาพสั่นไหว: สูงสุด 5.5 สต็อปด้วย IS ในตัวเลนส์ และสูงสุด 6 สต็อปด้วย IS ในตัวกล้อง
4) Nano USM: จับโฟกัสได้รวดเร็วเมื่อถ่ายภาพนิ่ง โฟกัสวิดีโอได้อย่างลื่นไหล
5) กำลังขยายสูงสุด 0.41 เท่า: สร้างเอฟเฟ็กต์มาโครเทเลโฟโต้
6) ความละเอียดและความเปรียบต่างที่ยอดเยี่ยม
7) ข้อมูลจำเพาะที่สำคัญ
8) ภาพตัวอย่าง

 

ถ่ายภาพระยะไกลแบบซูเปอร์เทเลโฟโต้ด้วยเลนส์ซูมอเนกประสงค์

เลนส์ซูมเทเลโฟโต้สามารถเข้าใกล้ตัวแบบที่อยู่ไกลออกไปเพื่อถ่ายภาพแบบโคลสอัพ อีกทั้งยังเพิ่มความยืดหยุ่นในการจัดเฟรมตัวแบบด้วยการซูมเข้าและออกได้ตามต้องการ จึงถือเป็นเลนส์ที่ขาดไม่ได้ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เลนส์ทุกกลุ่ม

ก่อนหน้านี้ Canon ได้เปิดตัวเลนส์สามรุ่นสำหรับระบบ EOS R ได้แก่
- RF70-200mm f/2.8L IS USM
- RF70-200mm f/4L IS USM
- RF100-500mm f/4.5-7.1L IS USM

แต่เลนส์ดังกล่าวล้วนเป็นเลนส์ซีรีย์ L ระดับมืออาชีพที่มีประสิทธิภาพและราคาในระดับสูง RF100-400mm f/5.6-8 IS USM คือเลนส์ซูมเทเลโฟโต้รุ่นแรกของ Canon ที่ไม่ได้อยู่ในซีรีย์ L ถือเป็นเลนส์ซูมซูเปอร์เทเลโฟโต้ในราคาที่จับต้องได้และใช้งานได้หลากหลายเทียบเคียงเลนส์เดี่ยวซูเปอร์เทเลโฟโต้อันเป็นเอกลักษณ์อย่าง RF600mm f/11 IS STM และ RF800mm f/11 IS STM

 

ขนาดเท่าแก้วน้ำ 350 มล. และอาจเบากว่าเลนส์ซูมมาตรฐานของคุณ

RF100-400mm f/5.6-8 IS USM อาจถือได้ว่าเป็นเลนส์แบบเมาท์ RF ที่เทียบเท่า EF70-300mm f/4-5.6 IS II USM ทำไมจึงเริ่มต้นที่ 100 มม. นั่นเป็นเพราะเลนส์ซูมมาตรฐานในกลุ่มผลิตภัณฑ์เลนส์ RF โดยเฉพาะอย่างยิ่งเลนส์คิทที่ผู้ใช้ส่วนใหญ่มีนั้น มีระยะสิ้นสุดที่ 105 มม. และระยะสุดฝั่งมุมกว้าง 100 มม. ของเมาท์ RF จะเข้ามาทำหน้าที่ต่ออย่างกลมกลืน ในเวลาเดียวกัน เลนส์รุ่นนี้สามารถถ่ายภาพที่สุดระยะเทเลโฟโต้ที่ 400 มม. ซึ่งยาวขึ้น 100 มม. จึงช่วยให้เข้าใกล้ตัวแบบได้มากขึ้นซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สำคัญมาก

บางคนอาจคิดว่าการเข้าใกล้ตัวแบบได้มากขึ้นจะส่งผลให้ตัวกล้องใหญ่ขึ้น แต่ RF100-400mm f/5.6-8 IS USM มีขนาดเท่ากับแก้วราว 350 มล. และหนักเพียง 635 ก. ซึ่งเบากว่า RF24-105mm f/4L IS USM (700 ก.) คุณสมบัติในการเข้าใกล้ตัวแบบได้มากขึ้นในตัวกล้องที่เบากว่าเดิมพร้อมกับการรักษาคุณภาพภาพถ่ายที่ดีเยี่ยมไว้นั้นเป็นไปได้ด้วยเมาท์ RF

จากแผนภาพด้านบน จะเห็นว่ากล้อง EOS R6 และเลนส์ RF100-400mm f/5.6-8 IS USM เป็นชุดอุปกรณ์ที่มีขนาดเล็กกว่าและน้ำหนักเบากว่ากล้อง EOS 6D Mark II และเลนส์ EF100-400mm f/4.5-5.6L IS II USM โดยมีน้ำหนักแตกต่างกันมากกว่า 1 กก.! การเปรียบเทียบเช่นนี้อาจไม่ยุติธรรมนัก เนื่องจาก EF100-400mm f/4.5-5.6L IS II USM เป็นเลนส์ในระดับมืออาชีพที่ให้ภาพที่มีคุณภาพดีกว่า อย่างไรก็ตาม หากความสะดวกในการพกพาและความคล่องตัวคือสิ่งสำคัญที่สุด เลนส์ RF100-400mm f/5.6-8 IS USM ย่อมมีข้อได้เปรียบที่เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้ร่วมกับกล้องมิเรอร์เลสในระบบ EOS R ที่มีขนาดเล็กกว่าและเบากว่า ลองใช้ประโยชน์จากเลนส์นี้ให้คุ้มค่าที่สุดด้วยการพกติดตัวไปเดินเขา เดินชมธรรมชาติ หรือดูนก

EOS R6/ RF100-400mm f/5.6-8 IS USM/ FL: 400 มม./ Aperture-priority AE (f/8, 1/200 วินาที)/ ISO 400/ WB: แสงแดด

 

ตัวแบบหลากชนิด องค์ประกอบภาพหลายรูปแบบ: ซูมได้ 4 เท่าเพื่อใช้งานได้หลากหลายยิ่งขึ้น

 

 

ระบบป้องกันภาพสั่นไหว: สูงสุด 5.5 สต็อปด้วย IS แบบออพติคอลในตัวเลนส์ และสูงสุด 6 สต็อปเมื่อใช้ร่วมกับ IS ในตัวกล้อง

ยิ่งทางยาวโฟกัสมีความยาวมาก การสั่นของกล้องยิ่งเห็นได้ชัดเจนขึ้น ทำให้ระบบป้องกันภาพสั่นไหวจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับเลนส์ซูมเทเลโฟโต้ โดยหลักการทั่วไป เมื่อถ่ายภาพโดยไม่ใช้ขาตั้งกล้อง คุณต้องใช้ความเร็วชัตเตอร์อย่างน้อย 1/(ทางยาวโฟกัสที่คุณใช้) วินาที เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหากล้องสั่นไหว ซึ่งหมายความว่าที่ระยะ 400 มม. คุณควรถ่ายภาพด้วยความเร็วชัตเตอร์ 1/400 วินาทีหรือเร็วกว่านั้น

ในสถานการณ์ที่คุณต้องเพิ่มความไวแสง ISO เพื่อชดเชยความเร็วชัตเตอร์ที่สูงขึ้น การถ่ายภาพให้คมชัดไม่ใช่เรื่องยากด้วยประสิทธิภาพอันยอดเยี่ยมด้านความไวแสง ISO สูงของกล้องในระบบ EOS R แต่มีบางครั้งที่คุณจะต้องการหลีกเลี่ยงการใช้ความไวแสง ISO สูงๆ หรือความเร็วชัตเตอร์ต่ำๆ จะทำให้ถ่ายภาพได้สวยขึ้น ในกรณีเช่นนี้ IS แบบออพติคอลสูงสุด 5.5 สต็อป (ระบบป้องกันภาพสั่นไหวในตัวเลนส์) จะช่วยได้มาก เมื่อใช้เลนส์นี้ร่วมกับกล้องที่มี IS ในตัวกล้อง เช่น EOS R5 หรือ EOS R6 เอฟเฟ็กต์ที่ได้จะเทียบเท่าความเร็วชัตเตอร์สูงสุด 6 สต็อปซึ่งช่วยให้คุณสามารถถ่ายภาพโดยไม่ใช้ขาตั้งในแบบที่คุณไม่คาดคิดมาก่อน

EOS R6/ ปิด IS/ ความเร็วชัตเตอร์: 1/6 วินาที

EOS R6 (IS แบบประสานการควบคุม: สูงสุด 6 สต็อป)/ เปิด IS/ ความเร็วชัตเตอร์: 1/6 วินาที

EOS R (IS แบบออพติคอล: สูงสุด 5.5 สต็อป)/ เปิด IS/ ความเร็วชัตเตอร์: 1/13 วินาที

 

Nano USM: จับโฟกัสได้รวดเร็วเมื่อถ่ายภาพนิ่ง โฟกัสวิดีโอได้อย่างลื่นไหล

ออโต้โฟกัส (AF) ใน RF100-400mm f/5.6-8 IS USM ขับเคลื่อนด้วย Nano USM (มอเตอร์อัลตร้าโซนิค) ซึ่งเป็นมอเตอร์ขนาดจิ๋วที่ขับเคลื่อนกลุ่มเลนส์โฟกัสโดยตรง ทำให้สามารถควบคุมการโฟกัสได้อย่างรวดเร็วและถูกต้องแม่นยำ จึงโฟกัสได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำเมื่อถ่ายภาพนิ่ง เหมาะอย่างยิ่งสำหรับโอกาสในการถ่ายภาพที่คาดไม่ถึง และยังติดตาม AF ได้อย่างต่อเนื่องลื่นไหลซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับวิดีโอคุณภาพสูง

พื้นที่ AF ของ RF100-400mm f/5.6-8 IS USM
EOS R5/R6: ประมาณ 90% × 100% (แนวนอน × แนวตั้ง), 100% × 100% ในระหว่างโหมด Face Detection + Tracking Priority AF
EOS R/RP: ประมาณ 88% × 100%
เมื่อติดตั้ง Extender RF 1.4x: ประมาณ 80% × 80%
เมื่อติดตั้ง Extender RF 2x: ประมาณ 40% × 60% (แนวนอน × แนวตั้ง)

EOS R6/ RF100-400mm f/5.6-8 IS USM/ FL: 400 มม./ Manual exposure (f/8, 1/800 วินาที)/ ISO 1600/ WB: อัตโนมัติ

 

กำลังขยายสูงสุด 0.41 เท่า: เพื่อให้ได้ภาพถ่ายคล้ายภาพมาโคร

RF100-400mm f/5.6-8 IS USM ไม่เพียงดึงวัตถุที่อยู่ห่างไกลให้เข้ามาใกล้ๆ เพื่อกินพื้นที่ในเฟรมมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังสามารถเก็บภาพวัตถุที่อยู่ใกล้ตัวเราแบบโคลสอัพให้ดูเหมือนภาพมาโครได้ เลนส์รุ่นนี้มีกำลังขยายสูงสุด 0.41 เท่า กล่าวคือ ภาพของตัวแบบที่ฉายไปยังเซนเซอร์ภาพคือ 0.41 เท่าของขนาดจริง

เลนส์ที่ออกแบบมาสำหรับการถ่ายภาพโคลสอัพโดยเฉพาะ (ซึ่งโดยปกติจะมีคำว่า “มาโคร” ในชื่อเลนส์) จะมีกำลังขยายสูงสุดอย่างน้อย 0.5 เท่า ดังนั้น กำลังขยาย 0.41 เท่าจึงค่อนข้างมีประสิทธิภาพสำหรับเลนส์ที่ไม่ได้ออกแบบมาให้เป็นเลนส์มาโคร ขณะที่ระยะโฟกัสใกล้ที่สุดจะแตกต่างกันไปตามทางยาวโฟกัส กำลังขยายสูงสุดที่ 0.41 เท่าจะถ่ายได้ที่ระยะ 400 มม.

EOS R6/ RF100-400mm f/5.6-8 IS USM/ FL: 400 มม./ Aperture-priority AE (f/8, 1/125 วินาที, EV +0.3)/ ISO 400/ WB: แสงแดด

 

ความละเอียดและความเปรียบต่างที่ยอดเยี่ยม

โครงสร้างเลนส์ของ RF100-400mm f/5.6-8 IS USM ประกอบด้วยชิ้นเลนส์ UD หนึ่งชิ้นที่วางไว้อย่างเหมาะสม ซึ่งทำหน้าที่แก้ไขความคลาดสีและการเกิดสีเพี้ยนตลอดช่วงการซูม นอกจากนี้ยังมีชิ้นเลนส์แก้ความคลาดทรงกลมหนึ่งชิ้น ซึ่งช่วยให้ได้ความละเอียดและความเปรียบที่ยอดเยี่ยม

A: ชิ้นเลนส์ UD
B: ชิ้นเลนส์แก้ความคลาดทรงกลม

EOS R6/ RF100-400mm f/5.6-8 IS USM/ FL: 100 มม./ Aperture-priority AE (f/5.6, 1/50 วินาที)/ ISO 200/ WB: แสงแดด

 

RF100-400mm f/5.6-8 IS USM

 

ข้อมูลจำเพาะที่สำคัญ

โครงสร้างเลนส์: 12 ชิ้นเลนส์ใน 9 กลุ่ม
ระยะโฟกัสใกล้สุด: 0.88m (ที่ทางยาวโฟกัส 200 มม.)
กำลังขยายสูงสุด: 0.41 เท่า (ที่ทางยาวโฟกัส 400 มม.)
จำนวนม่านรูรับแสง: 9
เส้นผ่านศูนย์กลางฟิลเตอร์: 67 มม.
ขนาด: φ79.5 x 164.7 มม. (หดเข้า)
น้ำหนัก: ประมาณ 635 ก.

 

เลนส์ฮูด: ET-74B (มีจำหน่ายแยกต่างหาก)

 

ภาพตัวอย่าง

EOS R6/ RF100-400mm f/5.6-8 IS USM/ FL: 400 มม./ Shutter-priority AE (f/8, 1/25 วินาที)/ ISO 1600/ WB: แสงแดด

EOS R6/ RF100-400mm f/5.6-8 IS USM/ FL: 100 มม./ Aperture-priority AE (f/8, 1/500 วินาที, EV +0.7)/ ISO 400/ WB: แสงแดด

EOS R6/ RF100-400mm f/5.6-8 IS USM/ FL: 100 มม./ Manual exposure (f/5.6, 1/1250 วินาที)/ ISO 5000/ WB: 3500K

 

---

---