ค้นหาสิ่งที่คุณต้องการ

หรือค้นหาโดย

หัวข้อ

Article
Article

Article

e-Book
e-Book

e-Book

Video
Video

Video

Campaigns
Campaigns

Campaigns

Architecture
กล้องคอมแพค

กล้องคอมแพค

Architecture
DSLRs

DSLRs

Architecture
การถ่ายวีดิโอ

การถ่ายวีดิโอ

Architecture
ภาพดาราศาสตร์

ภาพดาราศาสตร์

Architecture
กล้องมิลเลอร์เลส

กล้องมิลเลอร์เลส

Architecture
ภาพสถาปัตยกรรม

ภาพสถาปัตยกรรม

Architecture
เทคโนโลยีของแคนนอน

เทคโนโลยีของแคนนอน

Architecture
การถ่ายภาพในขณะที่มีแสงน้อย

การถ่ายภาพในขณะที่มีแสงน้อย

Architecture
การสัมภาษณ์ช่างภาพ

การสัมภาษณ์ช่างภาพ

Architecture
ภาพวิวทิวทัศน์

ภาพวิวทิวทัศน์

Architecture
การถ่ายภาพมาโคร

การถ่ายภาพมาโคร

Architecture
การถ่ายภาพกีฬา

การถ่ายภาพกีฬา

Architecture
การถ่ายภาพท่องเที่ยว

การถ่ายภาพท่องเที่ยว

Architecture
การถ่ายภาพใต้น้ำ

การถ่ายภาพใต้น้ำ

Architecture
แนวคิดการถ่ายภาพและการประยุกต์ใช้

แนวคิดการถ่ายภาพและการประยุกต์ใช้

Architecture
การถ่ายภาพสตรีท

การถ่ายภาพสตรีท

Architecture
กล้องมิเรอร์เลสแบบฟูลเฟรม

กล้องมิเรอร์เลสแบบฟูลเฟรม

Architecture
เลนส์และอุปกรณ์เสริม

เลนส์และอุปกรณ์เสริม

Architecture
Nature & Wildlife Photography

Nature & Wildlife Photography

Architecture
การถ่ายภาพพอร์ตเทรต

การถ่ายภาพพอร์ตเทรต

Architecture
การถ่ายภาพกลางคืน

การถ่ายภาพกลางคืน

Architecture
การถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง

การถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง

Architecture
โซลูชั่นการพิมพ์

โซลูชั่นการพิมพ์

Architecture
รีวิวผลิตภัณฑ์

รีวิวผลิตภัณฑ์

Architecture
การถ่ายภาพงานแต่งงาน

การถ่ายภาพงานแต่งงาน

ผลิตภัณฑ์ >> ผลิตภัณฑ์ทั้งหมด คุณสมบัติที่สำคัญของเลนส์ RF- Part2

6 คุณสมบัติที่สำคัญของเลนส์ RF

2019-04-17
21
24.27 k
ในบทความนี้:

เมาท์ RF และเลนส์ RF ไม่เพียงนำจุดเด่นของระบบ EF มาใช้เท่านั้น แต่ยังนำมาพลิกโฉมเพื่อการพัฒนาไปอีกขั้นในอนาคต จุดเด่นดังกล่าวช่วยให้ระบบ EOS R และการถ่ายภาพมีข้อได้เปรียบอย่างไรบ้าง พบคำตอบได้ในบทความนี้

ภาพแบนเนอร์คุณสมบัติของเลนส์ RF

 

จาก EF ถึง RF: ความสำคัญของเลนส์ RF

เลนส์ EF ตัวแรกเปิดตัวเมื่อ 31 ปีก่อนในปี 1987 ลักษณะเฉพาะของเลนส์ EF ที่มีระบบเมาท์ขนาดใหญ่แบบอิเล็กทรอนิกส์เต็มรูปแบบกลายเป็นสัญลักษณ์ของ Canon และอาจกล่าวได้ว่าคุณภาพของเลนส์ EF ได้กลายเป็นเกณฑ์มาตรฐานสำหรับช่างภาพทั่วโลกนับตั้งแต่ยุคกล้องฟิล์มอะนาล็อกจวบจนถึงปัจจุบัน

เมื่อเวลาผ่านมา 30 ปีจนถึงปี 2018 ในยุคนี้ กล้องมิเรอร์เลสที่เคยคิดว่าเป็นไปไม่ได้เป็นจริงแล้วในขณะนี้ อีกทั้งยังมาพร้อมกับระบบเมาท์ RF ใหม่ ที่ออกแบบมาให้พร้อมสำหรับการใช้งานในอีก 30 ปีข้างหน้า

แม้ว่าระบบเมาท์ RF จะรวบรวมคุณสมบัติที่ดีที่สุดของระบบเลนส์ EF ไว้ อาทิ เส้นผ่านศูนย์กลางขนาดใหญ่และระบบเมาท์อิเล็กทรอนิกส์เต็มรูปแบบ แต่ระบบนี้ก็มีข้อดีเฉพาะตัวด้วยเช่นกัน เลนส์ RF ไม่เพียงคงไว้ซึ่งคุณภาพอันเป็นตัวอย่างของ Canon เท่านั้น แต่ยังได้รับการพลิกโฉมให้มีฟังก์ชั่นการทำงานใหม่ที่ดียิ่งขึ้นอีกด้วย

 

1: การสื่อสารที่ดียิ่งขึ้นระหว่างเลนส์กับกล้อง

ขาเชื่อมต่อเมาท์ 12 ขา ที่ไม่ได้มีดีแค่ตัวเลขเท่านั้น

ภาพเปรียบเทียบเมาท์ RF และเมาท์ EF คู่กัน

เมาท์ RF: การเชื่อมต่อ 12 ขา
เมาท์ EF: การเชื่อมต่อ 8 ขา

เมาท์ RF มีขาเชื่อมต่อ 12 ขา มากกว่า 8 ขาในเลนส์ EF และยังมาพร้อมโปรโตคอลการส่งสัญญาณที่พัฒนาดียิ่งขึ้น ซึ่งช่วยเพิ่มความเร็วและปริมาณการส่งข้อมูลระหว่างตัวกล้องกับเลนส์ เมาท์จึงมีความสามารถในการติดต่อสื่อสารมากพอสำหรับความต้องการในปัจจุบัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า Canon ได้สร้างเมาท์ที่รองรับอนาคตไว้แล้ว

Digital Lens Optimizer (DLO) คือคุณสมบัติหนึ่งที่ได้รับประโยชน์จากเมาท์แบบใหม่อย่างน้อย 2 ทางด้วยกันคือ

1. ข้อมูลการแก้ไขเลนส์ DLO สามารถจัดเก็บไว้ในตัวเลนส์ได้แล้วในขณะนี้ เราสามารถส่งข้อมูลนี้ไปยังกล้องได้ทันทีเมื่อใส่เลนส์ RF โดยไม่จำเป็นต้องดาวน์โหลดและลงทะเบียนข้อมูลการแก้ไขเลนส์ด้วยตนเองเมื่อใช้เลนส์ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่

2. การสื่อสารระหว่างเลนส์กับกล้องที่รวดเร็วขึ้นช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของ DLO ตัวอย่างเช่น เราสามารถใช้ DLO ระหว่างการถ่ายภาพต่อเนื่อง โดยไม่ส่งผลต่อความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่องหรือจำนวนภาพ 

 

2: เส้นผ่านศูนย์กลางเมาท์ขนาดใหญ่

เลนส์ RF รุ่นบุกเบิก 3 ใน 4 รุ่นมีค่า f/2.0 ขึ้นไป เป็นไปได้อย่างไร

เส้นผ่านศูนย์กลางภายในของเมาท์ RF คือ 54 มม. ซึ่งบังเอิญเป็นขนาดที่เท่ากันกับเมาท์ EF นักพัฒนาของ Canon ต้องการสร้างระบบเมาท์ที่ให้คุณภาพของภาพถ่ายที่ยอดเยี่ยมและพกพาความสามารถในการใช้งานที่ดียิ่งขึ้น และเห็นได้ชัดว่านักพัฒนาพบว่าขนาด 54 มม. นั้นให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

โดยทั่วไป เส้นผ่านศูนย์กลางเมาท์ที่ใหญ่ขึ้นช่วยให้มีเส้นผ่านศูนย์กลางรูรับแสงกว้่างขึ้น แม้ว่าเมาท์ RF จะมีขนาดเท่ากับเมาท์ EF แต่ดีไซน์ใหม่ช่วยให้มีอิสระในการออกแบบด้านออพติคอลมากขึ้น จึงทำให้เลนส์ที่มีรูรับแสงกว้างสุดใหญ่ขึ้นในกลุ่มเลนส์ RF เป็นไปได้

 

เลนส์ RF ที่มีรูรับแสงกว้าง

RF28-70mm f/2L USM, RF50mm f/1.2L USM และ RF35mm f/1.8 Macro IS STM

 

3: ระยะห่างจากท้ายเลนส์ถึงเซ็นเซอร์ที่สั้น

ซึ่งบ่งบอกถึงระยะแบ็คโฟกัสที่สั้นเช่นกัน ว่าแต่มีข้อดีอะไรบ้าง?

เมื่อตัดพื้นที่ที่เป็นกระจกออกไป ระยะห่างระหว่างเมาท์ถึงเซ็นเซอร์ภาพ (เช่น ระยะจากท้ายเลนส์ถึงเซ็นเซอร์) จะสั้นลง

ภาพตัวอย่างของระยะแบ็คโฟกัสที่สั้น

ระยะแบ็คโฟกัสที่สั้น: ระยะห่างระหว่างชิ้นเลนส์หลังสุดกับเซ็นเซอร์ภาพ
ระยะโฟกัสจากท้ายเลนส์ถึงเซ็นเซอร์ (ระยะแบ็คโฟกัสจากท้ายเลนส์ถึงเซ็นเซอร์): ระยะห่างระหว่างเมาท์กับเซ็นเซอร์ภาพ

ในกล้อง EOS R และ EOS RP ส่วนท้ายเลนส์ถึงเซ็นเซอร์มีระยะห่างเพียง 20 มม. ซึ่งน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของระยะห่างในกล้อง DSLR แม้จะได้พิจารณาถึงความจำเป็นในการรักษาดีไซน์ที่กระชับและคงทนแข็งแรงก่อนหน้าแล้วก็ตาม 

ระยะห่างจากท้ายเลนส์ถึงเซ็นเซอร์ที่สั้นลงหมายความว่า สามารถวางชิ้นเลนส์หลังสุดไว้ใกล้กับเซ็นเซอร์ได้มากขึ้น หรืออีกนัยหนึ่งคือระยะแบ็คโฟกัส (ระยะห่างระหว่างชิ้นเลนส์หลังสุดกับเซ็นเซอร์ภาพ) จะสั้นลงนั่นเอง ซึ่งไม่เพียงทำให้ตัวกล้องกะทัดรัดขึ้นเท่านั้น แต่ยังทำให้การออกแบบเลนส์มีความยืดหยุ่นสูงขึ้นด้วย และสิ่งที่ทำด้วยเลนส์ EF ได้ยากก็สามารถทำได้แล้วในตอนนี้

 

ความแตกต่างของแบ็คโฟกัสระหว่างกล้องที่ใช้เมาท์ RF กับ EF

ระยะแบ็คโฟกัสในเลนส์ EOS R และ RF

EOS R + RF24-105mm f/4L IS USM

ระยะแบ็คโฟกัสใน EOS 5D Mark IV และเลนส์ EF

EOS 5D Mark IV + EF24-105mm f/4L IS II USM

 

4: Dual Sensing IS และ Hybrid IS

ความสามารถของระบบป้องกันภาพสั่นไหวที่ทรงพลังให้ความรู้สึกมั่นคงปลอดภัย

ระบบป้องกันภาพสั่นไหว (IS) ในเลนส์แบบเดิมมีเซ็นเซอร์ไจโรในตัวเลนส์ที่คอยตรวจจับและแก้ไขการสั่นของกล้อง และ Dual Sensing IS ได้นำระบบนี้มารวมไว้ รวมทั้งใช้ข้อมูลจากเซ็นเซอร์ภาพเพื่อตรวจจับการสั่นของกล้องซึ่งระบบ IS แบบเดิมตรวจจับได้ยาก ผลที่ได้คือ ระบบป้องกันภาพสั่นไหวที่ดีขึ้นและแม่นยำยิ่งขึ้น

นอกเหนือจาก Dual Sensing IS แล้ว RF35mm f/1.8 Macro IS STM ยังมี Hybrid IS ซึ่งเป็นระบบที่มีมายาวนาน โดย Hybrid IS ไม่เพียงแก้ไขการสั่นไหวของกล้องแบบมุมองศาเดิมที่เกิดจากการหมุนกล้องและเปลี่ยนมุมกล้องเท่านั้น แต่ยังแก้ไขการสั่นไหวของกล้องในแนวดิ่ง ซึ่งเกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้องในแนวขนาน เช่น การแพนกล้อง อีกด้วย

ภาพตัดขวางของระบบ Dual Sensing IS

Dual Sensing IS
การส่งข้อมูลที่รวดเร็วยิ่งขึ้นของเมาท์ RF ช่วยให้ Dual Sensing IS มีความแม่นยำยิ่งขึ้นกว่าในกล้องซีรีย์ EOS M

ภาพตัดขวางของระบบ Hybrid IS

A) การสั่นไหวของกล้องแบบมุมองศา
B) การสั่นไหวของกล้องในแนวดิ่ง
C) ระบบ IS
D) ไมโครโปรเซสเซอร์ในเลนส์
E) เซ็นเซอร์จับความเร่ง
F) เซ็นเซอร์ไจโรที่ตรวจจับการสั่นสะเทือน

Hybrid IS
เซ็นเซอร์ไจโรที่ตรวจจับการสั่นสะเทือนและเซ็นเซอร์จับความเร่งตรวจจับและแก้ไขการสั่นของกล้องในแนวดิ่ง

 

5: วงแหวนควบคุม

ควบคุมการตั้งค่ากล้องด้วยเลนส์ของคุณ

นอกจากวงแหวนโฟกัสและวงแหวนซูมแล้ว เลนส์ RF ยังมาพร้อมวงแหวนควบคุม วงแหวนนี้ทำหน้าที่เหมือนวงแหวนควบคุมรูรับแสงในเลนส์โฟกัสแบบแมนนวล คุณจึงสามารถควบคุมการตั้งค่าการเปิดรับแสงที่กำหนดได้ง่ายๆ เพียงแค่หมุนวงแหวน ซึ่งทำได้โดยไปที่แท็บฟังก์ชั่นของกล้องในเมนู จากนั้นเลือก “ปรับแต่งวงแหวน” 

มือหมุนวงแหวนควบคุมเลนส์ RF

เราสามารถปรับแต่งวงแหวนควบคุมเพื่อควบคุมการตั้งค่าการเปิดรับแสงต่างๆ อาทิ รูรับแสง ความเร็วชัตเตอร์ ความไวแสง ISO และการชดเชยแสงได้ 

 

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับวงแหวนควบคุมและวิธีที่วงแหวนทำให้ถ่ายภาพได้ง่ายขึ้นในบทความ:
3 คุณสมบัติของกล้อง EOS R ที่จะเปลี่ยนวิธีการถ่ายภาพของคุณ

วงแหวนควบคุมในเลนส์ RF และเมาท์อะแดปเตอร์ EF-EOS R คือคุณสมบัติหนึ่งที่ได้รับเสียงชื่อชมจากช่างภาพมากมาย สำหรับตัวอย่างการใช้งานจากช่างภาพคนอื่นๆ โปรดดูบทความต่อไปนี้
EOS R: เหินตัวผ่านม่านหมอก หยาดเหงื่อ รอยยิ้ม และหยดน้ำตา
24 ชั่วโมงในโซล: 10 ภาพตระการตาที่ถ่ายด้วยกล้อง EOS R (ฉบับภาษาอังกฤษ)
รีวิวประสบการณ์โดยตรง: ทำไมกล้องEOS R จึงเป็นตัวช่วยที่ดีในการถ่ายภาพการท่องเที่ยวของผม

 

6: ใส่ใจต่อคุณภาพของภาพเป็นที่สุด

ใช้ประโยชน์สูงสุดจากเลนส์ RF

เส้นผ่านศูนย์กลางเมาท์ขนาดใหญ่ (ดังที่กล่าวไว้ในข้อ 2) และแบ็คโฟกัสที่สั้น (ในข้อ 3) ช่วยให้สามารถกำหนดเลนส์ RF เพื่อคุณภาพของภาพถ่ายที่ดีขึ้น ตัวอย่างเช่น สามารถวางชิ้นเลนส์ขนาดใหญ่ไว้ใกล้กับเซ็นเซอร์ภาพมากๆ และยังช่วยให้ภาพทั้งภาพคมชัดยิ่งขึ้นอีกด้วย

นอกจากนี้ เลนส์ยังรวมการเคลือบแบบพิเศษไว้ อาทิ Subwavelength Structure Coating (SWC) (ฉบับภาษาอังกฤษ) และ Air Sphere Coating (ASC) (ฉบับภาษาอังกฤษ) เพื่อช่วยลดแสงแฟลร์และแสงหลอก

สำหรับการจับคู่ที่เหมาะกับเลนส์ RF ความละเอียดสูงนั้น ได้มีการปรับปรุงค่าความคมชัดเริ่มต้นในการตั้งค่าละเอียดสำหรับรูปแบบภาพ ไว้เช่นกัน นั่นคือ ค่าเริ่มต้นที่ “4” ในกล้อง EOS 5D Mark IV และค่าเริ่มต้นที่ “2” ในกล้อง EOS R และ EOS RP

ภาพทิวทัศน์ธรรมชาติแบบย้อนแสงซึ่งถ่ายด้วย EOS R

EOS R/ RF28-70mm f/2L USM/ FL: 70 มม./ Aperture-priority AE (f/14, 1/320 วินาที, EV+0.3)/ ISO 200/ WB: อัตโนมัติ

การเคลือบเลนส์แบบพิเศษไม่ทำให้เกิดแสงหลอกในภาพถ่ายย้อนแสง

 

ในงานเปิดตัวกล้อง EOS RP นั้น Canon ยังเปิดเผยว่าจะมีการเปิดตัวเลนส์ RF เพิ่มอีก 6 รุ่นภายในครึ่งหลังของปี 2019 ดูข้อมูลเบื้องต้นได้ที่:
กล้อง EOS RP ใหม่จาก Canon: ออกเดินทางไปกับกล้องมิเรอร์เลสแบบฟูลเฟรมของคุณได้แล้ววันนี้

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับลักษณะเฉพาะของเลนส์ RF รุ่นบุกเบิกทั้ง 4 รุ่นได้ใน:
ขยายขีดความสามารถในการถ่ายภาพของคุณด้วยเลนส์ RF รูปแบบใหม่ทั้งหมด

หากไม่แน่ใจว่าเลนส์ RF แบบใดเหมาะกับคุณ ดูอินโฟกราฟิกได้ที่นี่:
เลนส์ RF: แบบไหนเหมาะกับฉัน (ฉบับภาษาอังกฤษ)

 


รับข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับการถ่ายภาพ รวมถึงเคล็ดลับและกลเม็ดต่างๆ

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนชาว SNAPSHOT

ลงทะเบียนตอนนี้!

เกี่ยวกับผู้เขียน

Digital Camera Magazine

นิตยสารรายเดือนที่เชื่อว่าความสุขของการถ่ายภาพจะยิ่งเพิ่มขึ้น เมื่อผู้ถ่ายภาพได้เรียนรู้เกี่ยวกับฟังก์ชั่นต่างๆ ของกล้องมากยิ่งขึ้น นิตยสารเล่มนี้เผยแพร่ข่าวสารเกี่ยวกับกล้องรุ่นใหม่ๆ รวมถึงคุณสมบัติของกล้องและนำเสนอเทคนิคการถ่ายภาพอย่างหลากหลาย
จัดพิมพ์โดย Impress Corporation

Kazuo Nakahara

เกิดที่เมืองฮอกไกโดในปี 1982 Nakahara ผันเข้าสู่วงการถ่ายภาพหลังจากทำงานในบริษัทผลิตสารเคมี เขาถ่ายภาพที่ Vantan Design Institute เป็นหลักและเป็นผู้บรรยายในเวิร์คช็อปและสัมมนาด้านการถ่ายภาพ นอกเหนือจากการทำงานถ่ายภาพโฆษณา เขายังเป็นหนึ่งในผู้ดำเนินงานเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลด้านการถ่ายภาพอย่าง studio9 อีกด้วย

http://photo-studio9.com/

แบ่งปันภาพถ่ายของคุณใน My Canon Story แล้วร่วมลุ้นโอกาสเผยแพร่ผลงานบนโซเชียลมีเดียของเรา